ตั้งเป้าหมื่นล้าน! ธนารักษ์ เดินหน้าจัดเก็บรายได้เข้ารัฐในปี’64

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 1306 ครั้ง

เมื่อวันที่ 6 ม.ค.64 นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ แถลงนโยบายจัดเก็บรายได้เข้ารัฐ ในปี2564 และการดำเนินงานในเชิงสังคมให้ประชาชน และประเทศชาติ โดยกรมธนารักษ์ตั้งเป้าหมายเก็บรายได้เข้ารัฐประมาณ 10,000 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2564 ซึ่งได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคสัง ,นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายให้กรมธนารักษ์มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานเพื่อเก็บรายได้เข้าประเทศตามเป้าที่ตั้งไว้ พร้อมทั้งเร่งผลักดันโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม และพร้อมที่จะเจรจาเมื่อเกิดปัญหาติดขัดใดๆ ในการบริหารจัดการพื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งรวมไปถึงการแก้ไขปัญหาการบุกรุกในที่ดินราชพัสดุ และการบริหารจัดการงานในภารกิจที่จะสามารถสร้างประโยชน์ในเชิงสังคมด้วย

นายยุทธนา เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณที่ผ่านมา กรมธนารักษ์ได้ดำเนินโครงการของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนในสังคม เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตด้านที่อยู่อาศัย และที่ทำกิน โดยดำเนินการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ราชพัสดุ ด้วยการรับรองสิทธิโดยการจัดให้เช่าที่ราชพัสดุภายใต้โครงการ “ธนารักษ์ประชารัฐ” ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยให้คุณภาพชีวิตของประชาชนในสังคมมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และสามารถแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐได้ด้วย ตลอดจนเปิดตลาดชุมชนในพื้นที่แต่ละจังหวัดไปในคราวเดียวกันผ่านโครงการ “เปลี่ยนชุมชนเป็นห้องประชุมในที่ราชพัสดุ” ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่ให้แก่ผู้ประกอบการในชุมชน และประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจะก่อให้เกิดการสร้างรายได้ในทุกระดับ

สำหรับปีงบประมาณ 2564 กรมธนารักษ์ ได้เร่งรัดดำเนินงานเพื่อจัดเก็บรายได้ตามเป้าประสงค์ที่ตั้งไว้ และเน้นการบริการจัดการในเชิงสังคมให้แก่ประชาชน และประเทศชาติ ดังนี้ 1.ดำเนินการจัดให้เช่าที่ราชพัสดุประมาณ 3 หมื่นราย ซึ่งเมื่อรัฐรับรองสิทธิการใช้ที่ดินของราชการ โดยสร้างประโยชน์ในที่ดินนั้นให้แก่ประชาชนแล้ว ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ เพื่อการอยู่อาศัย ทำการเกษตรกรรม หรือประกอบกิจการต่างๆ ในที่ดินของรัฐอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ก็จะเป็นส่วนช่วยให้คุณภาพชีวิตของประชาชนในสังคมมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และสามารถแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐได้อีกทางหนึ่งด้วย

2.ดำเนินการจัดเก็บรายได้เข้ารัฐไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยจะดำเนินการจัดระเบียบการใช้ที่ราชพัสดุสำหรับผู้เช่าที่เป็นหน่วยงานของราชการที่นำไปใช้ประโยชน์ผิดประเภท เช่น การใช้พื้นที่เพื่อเชิงพาณิชย์, การเปิดเป็นร้านค้าสวัสดิการ หรือการให้เช่าช่วงต่อโดยเก็บอัตราค่าเช่าสูง เป็นต้น ซึ่งทางกรมธนารักษ์ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 ด้วยการบังคับใช้กฎหมายที่ดินให้หน่วยงานที่ใช้พื้นที่ราชพัสดุแล้วนำพื้นที่ดังกล่าวไปหารายได้ จะต้องส่งรายได้ดังกล่าวเข้าเป็นรายได้แผ่นดินด้วย ซึ่งคาดว่าจะทำให้จัดเก็บค่าเช่าเข้ากรมธนารักษ์ได้มากขึ้น

นอกจากนี้ ยังเร่งรัดการจัดเก็บค่าเช่าที่ราชพัสดุที่หน่วยงานรัฐวิสาหกิจได้ใช้ประโยชน์อยู่ ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2562 โดยกรมธนารักษ์จะพิจารณาว่ามีสัญญาเช่ากับรัฐวิสาหกิจต่างๆ ซึ่งมีการเก็บค่าเช่าเท่าไร และการใช้ประโยชน์แบบใด เพื่อนำมาประกอบการเก็บค่าเช่าให้เหมาะสม รวมถึงการนำพื้นที่ราชพัสดุที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ และที่ดินราชพัสดุที่ได้รับโอนจากการยึดของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นำมาเปิดประมูล เพื่อให้เอกชนเข้ามาใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์

โดยร่วมกับ บมจ. กรุงไทย จำกัด (มหาชน) คาคว่า จะเปิดประมูลให้กับผู้สนใจได้ภายในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 โดยมีการดำเนินการเปิดประมูลที่ดินราชพัสดุในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในจังหวัดตาก หนองคาย และมุกดาหาร ซึ่งรวมถึงการเปิดประมูลสนามกอล์ฟบางพระ จังหวัดชลบุรี พร้อมทั้งการเร่งรัดสัญญาร่วมดำเนินโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา และการเปิดประมูลที่ดินราชพัสดุที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ทั่วประเทศ เพื่อนำรายได้เข้ารัฐ ซึ่งบางพื้นที่อยู่ใจกลางเมือง อาทิ สุขุมวิท สีลม หรือในต่างจังหวัด เช่น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เชียงราย เชียงใหม่ และนครสวรรค์ เป็นตัน โดยมุ่งเน้นการติดตามค่าเช่าที่ราชพัสดุทั่วประเทศไม่ให้คงค้าง เพื่อสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจเข้ารัฐให้เพิ่มขึ้นด้วย

นอกจากที่กรมธนารักษ์จะมีนโยบายตั้งเป้าเก็บรายได้เข้ารัฐแล้ว ยังมีนโยบายในเชิงสังคม เพื่อสนับสนุนให้ประชาชน ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และสังคมโดยรวมมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเน้นสังคมผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการโครงการ “ที่พักอาศัยผู้สูงอายุ รามา-ธนารักษ์” บนที่ราชพัสดุ จังหวัดสมุทรปราการ โดยกรมธนารักษ์ ร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งโครงการดังกล่าว กรมธนารักษ์ได้ตอบสนองนโยบายของรัฐบาล ในการพัฒนาเศรษฐกิจผ่านโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บนที่ราชพัสดุที่มีศักภาพเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยจะดำเนินการจับสลากบัญชีรายชื่อผู้ได้รับสิทธิ และบัญชีรายชื่อสำรอง ในวันที่ 15 มกราคมนี้ ที่กรมธนารักษ์ และจะดำเนินการก่อสร้างประมาณเดือนมษายนที่จะถึงนี้ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2565 ซึ่งทางกรมธนารักษ์ ได้เตรียมขยายการก่อสร้างที่อยู่อาศัยของข้าราชการพลเรือน ทุกประเภทบนที่ราชพัสดุ ไม่ต่ำกว่า 1 พัน ยูนิต สำหรับพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร ได้แก่ แปลงพระโขนง และแปลงยานนาวา สำหรับในจังหวัดต่างๆ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย, นครนายก, อุบลราชธานี, อุดรธานี, สงขลา, สุราษฎร์ธานี, ยะลา, ปัตตานี, ประจวบคีรีขันธ์, นนทบุรี, นครราชสีมา และจันทบุรี

ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นคงทางด้านที่อยู่อาศัยให้กับบุคลากรดังกล่าวด้วยการดำเนินการสำรวจบ้านทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่อยู่ในพื้นที่ของส่วนราชการ ซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศประมาณ 95 แห่ง มาทำประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ โดยอาจให้เอกชนเข้ามาประมูลเพื่อทำประโยชน์ ตลอดจนเพื่อการท่องเที่ยวในชุมชนนั้นๆ และยังช่วยเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ โดยต้นเดือนกุมภาพันธ์ จะดำเนินการเปิดประมูลบ้านขุนพิทักษ์บริหาร หรือบ้านเขียว อยุธยา และบ้านพายัพ ซอยสามเสน5 กรุงเทพมหานคร อีกด้วย

ส่วนโครงการ “เปลี่ยนชุมชนเป็นห้งอประชุมในที่ราชพัสดุ” ก็ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน ซึ่งเมื่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 เบาบางลงแล้ว กรมธนารักษ์จะสานต่อโครงการดังกล่าว เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน และช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจฐานรากในชุมชนต่างๆ แข็งแกร่งมากขึ้น โดยการสร้างโอกาสฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่ให้แก่ผู้ประกอบการในชุมชน และประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจะก่อให้เกิดการสร้างรายได้ในทุกระดับ นอกจากนี้ ยังเน้นการจัดหาที่ราชพัสดุให้กับรัฐวิสาหกิจชุมชน และกองทุนหมู่บ้านในชุมชนเช่า เพื่อให้มีพื้นที่ในการสร้างรายได้ สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจฐานราก และคุณภาพชีวิตให้กับชุมชน ตลอดจนเร่งการเปิดพิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ ขอนแก่น เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการ และการบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์ให้เป็นศูนย์การเรียนและการท่องเที่ยว หรือ Land Mark โดยจะเปิดให้เข้าชมได้ในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งเป็นการเผยแพร่ทรัพย์สินมีค่าของรัฐสู่ประชาชน และผู้สนใจ

ทั้งนี้ ด้วยภารกิจของกรมธนรักษ์ มีเป้าประสงค์ที่จะดูแล บริหารจัดการที่ราชพัสดุให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน และสังคมอย่างเป็นระบบ ก่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด ซึ่งในปีงบประมาณ 2564 กรมธนารักษ์จะนำที่ราชพัสดุทั้งหมด 126 ล้านไร่ ซึ่งอยู่ในการครอบครองดูแลขอหน่วยงานราชการต่างๆ และกรมธนารักษ์บริหารจัดการเพียง 4% โดยจะนำที่ราชพัสดุมาบริหารจัดการเองเพิ่มขึ้นเป็น 10% จึงทำให้กรมธนารักษ์มีรายได้จากค่าที่ดินเพิ่มขึ้น และจะเป็นผลดีที่ทำให้กรมธนารักษ์จัดเก็บรายได้เข้ารัฐได้สูงขึ้นอีกด้วย

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 1306 ครั้ง

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

แสดง
ซ่อน