มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 1450 ครั้ง
“ราชทัณฑ์” ชี้แจง ปมไม่ตัดผมแกนนำกลุ่ม กปปส. พร้อมเผย กรณีการโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กของ เพนกวิน-นายอานนท์ เป็นการโพสต์โดยแอดมินเพจ ยืนยัน ผู้ต้องขังห้ามใช้เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด
วันนี้ (27 ก.พ.64) นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงข้อสงสัยของสังคมในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง กรณีการโพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำคณะราษฎร และนายอานนท์ นำภา ว่าเพราะเหตุใดจึงสามารถโพสต์ข้อความผ่านสื่อออนไลน์ได้ รวมถึงกรณีของการไม่ดำเนินการตัดผมนายสุเทพ เทือกสุบรรณ พร้อมพวก ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. ว่าเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ นั้น
กรมราชทัณฑ์ ขอชี้แจงว่า กรณีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กของนายพริษฐ์ฯ และนายอานนท์ฯ บ่อยครั้ง นับตั้งแต่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และกรมราชทัณฑ์ได้ทำการตรวจค้นภายในเรือนจำฯ รวมทั้งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรียบร้อยแล้ว ไม่พบว่ามีการใช้เครื่องมือสื่อสารภายในเรือนจำฯ จึงสันนิษฐานได้ว่าเป็นการโพสต์ข้อมูลจากเครื่องมือสื่อสารภายนอก โดยแอดมินเพจหรือผู้ที่มีรหัสผ่านดำเนินการโพสต์สารที่ได้รับจากนายพริษฐ์ฯ และนายอานนท์ฯ ในระหว่างเข้าพบทนายความส่วนตัวเพื่อปรึกษาคดีเป็นการเฉพาะ ซึ่งเป็นการสนทนาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ นายพริษฐ์ฯ ได้เคยยืนยันเองว่า ถ้อยคำที่สื่อสารออกไปเป็นข้อความที่ตนได้ฝากไว้กับทนายความและคนไว้วางใจให้ช่วยถ่ายทอดสู่สาธารณะ โดยไม่ได้โพสต์ในเรือนจำแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ในกรณีดังกล่าว กรมราชทัณฑ์ได้เข้าร้องทุกข์ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. เพื่อหาตัวบุคคลผู้เป็นคนโพสต์ และให้ตรวจสอบการกระทำดังกล่าว เนื่องจากถูกนำชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องในโพสต์ และทำให้สังคมเข้าใจผิดต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ซึ่งสร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของกรมราชทัณฑ์เป็นอย่างมาก
นายอายุตม์ กล่าวอีกว่า กรณีการไม่ตัดผมแกนนำกลุ่ม กปปส. นั้น โดยแนวทางปฏิบัติทั่วไป เมื่อบุคคลใดต้องโทษเข้ามาในเรือนจำและทัณฑสถาน จะได้รับการปฏิบัติตามระเบียบขั้นตอน คือ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจค้นตัวตามหลักสิทธิมนุษยชน พร้อมดำเนินการตรวจคัดกรองโรคโดยแพทย์ และเจ้าหน้าที่พยาบาล ก่อนจะมีเจ้าหน้าที่เข้าอบรบชี้แจงระเบียบ การปฏิบัติตน รวมถึงการใช้ชีวิตในเรือนจำ ซึ่งในกรณีของ นายสุเทพฯ พร้อมกับพวก เรือนจำฯ ก็ได้ดำเนินการตามระเบียบ และขั้นตอนตามที่กล่าวข้างต้นอย่างไม่มีข้อยกเว้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครได้รับตัว นายสุเทพฯ พร้อมกับพวก คือ เวลาประมาณ 20.30 น. ของวันที่ 24 ก.พ.64 และเจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจค้นตัว และคัดกรองตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้วเสร็จ ในเวลาประมาณ 22.45 น. ซึ่งสมควรแก่เวลาที่ต้องแยกขัง
ในวันต่อมา เวลาประมาณ 08.30 น. นายสุเทพ พร้อมกับพวกได้ออกพบทนายความ กระทั่งถึงเวลา 10.30 น. ทั้งหมดได้ออกพบแพทย์ตรวจอาการ ตามที่ได้แจ้งไว้กับเจ้าหน้าที่พยาบาล จนดำเนินการแล้วเสร็จในเวลาประมาณ 14.45 น. โดยเวลาดังกล่าวเป็นเวลากระชั้นชิดกับเวลาที่ผู้ต้องขังต้องเตรียมตัวขึ้นเรือนนอน จึงยังไม่ได้ดำเนินการตัดผมของนายสุเทพฯ พร้อมกับพวก
จนกระทั่งในวันที่ 26 ก.พ.64 เวลา 08.30 น. ทางเรือนจำฯ ได้รับการประสานงานว่าให้นำตัวนายสุเทพฯ และแกนนำกลุ่ม กปปส. ทั้งหมดไปยังที่ทำการพัศดีเวร เพื่อรอการปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นเวลาต่อเนื่องจึงเป็นเหตุที่นายสุเทพฯ พร้อมกับพวก ยังไม่ได้รับการตัดผมตามระเบียบกรมราชทัณฑ์
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวปิดท้ายว่า ตนขอให้สังคมและประชาชนทุกฝ่ายเชื่อมั่นต่อการปฏิบัติงานของกรมราชทัณฑ์ในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน และเป็นมาตรฐาน ตามหลักสิทธิมนุษยชน และไม่มีการเลือกปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง โดยยึดถือกฎ ระเบียบ และวินัยต่างๆ ที่ข้าราชการกรมราชทัณฑ์ทุกคนพึงยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 1450 ครั้ง