มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 2812 ครั้ง
“อลงกรณ์” เผยเตรียมปรับโครงสร้างบริหารจัดการใหม่ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำภายในมิถุนายนนี้ ภายใต้ “5 ยุทธศาสตร์เฉลิมชัย” และโมเดล “เกษตรผลิต-พาณิชย์ตลาด” เพื่อปฏิรูปไม้ผลทั้งระบบพร้อมดึงทูตเกษตรทูตพาณิชย์ทั่วโลก และศูนย์ AIC ร่วมขับเคลื่อนขยายตลาดผลไม้ไทย และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม
วันนี้ (9 เม.ย.64) นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยหลังจากได้รับมอบหมายจาก ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ ครั้งที่ 3/2564 ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบแนวทางการพัฒนาผลไม้ไทย พ.ศ. 2565 – 2570 ประกอบด้วย 5 ยุทธศาสตร์ 13 กลยุทธ์ ได้แก่
ยุทธศาสตร์ที่ 1 เพิ่มประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการผลไม้ในการผลิตและยกระดับมาตรฐานสินค้าไม้ผล
ยุทธศาสตร์ที่ 2 พัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการตลาดไม้ผลด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม
ยุทธศาสตร์ที่ 3 สร้างความเข้มแข็งและความเสมอภาคให้กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรไม้ผล
ยุทธศาสตร์ที่ 4 บริหารจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในการผลิตผลไม้ครบวงจร
ยุทธศาสตร์ที่ 5 พัฒนาเครือข่ายการส่งออกและระบบโลจิสติกส์
โดยที่ประชุมให้เปลี่ยนชื่อจากแผนปฏิบัติการด้านพัฒนาผลไม้ไทย พ.ศ. 2565 – 2570 เป็น “แนวทางการพัฒนาผลไม้ไทย พ.ศ. 2565 – 2570” ตามข้อเสนอแนะของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และมีมติมอบหมายฝ่ายเลขาจัดประชุมโฟกัสกรุ๊ปพิจารณาการปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการผลไม้ทั้งระบบ ซึ่งใช้รูปแบบเดิมมากว่า 10 ปี โดยให้เสนอในการประชุมฟรุ้ทบอร์ดครั้งหน้าในเดือนมิถุนายนนี้ ให้สอดรับกับแนวทางการพัฒนาผลไม้ไทย พ.ศ. 2565 – 2570 ภายใต้ “5 ยุทธศาสตร์ การปฏิรูปภาคเกษตรกรรม” ของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) และโมเดล “เกษตรผลิต-พาณิชย์ตลาด” ซึ่งขับเคลื่อนร่วมกันระหว่างนายจุลินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์ กับ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นอกจากนี้ ฟรุ้ทบอร์ด ยังมีมติเห็นชอบอีก 3 วาระสำคัญ
- แผนบริหารจัดการผลไม้ภาคตะวันออก (ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง) ปี 2564 ซึ่งจะมีการบริหารจัดการทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ รวมทั้งการแก้ไขปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพและการทำตลาดล่วงหน้า(Pre-order) โครงการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพไม้ผลสู่มาตรฐานและยกระดับสู่การรับรอง GAP โครงการเกษตรอินทรีย์ การจัดตั้งกลุ่มผู้ผลิตไม้ผลคุณภาพ การลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มคุณภาพผลผลิต เป็นต้น
- แผนบริหารจัดการผลไม้ภาคเหนือ (ลิ้นจี่) ปี 2564 ในการจัดการเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ ทั้งก่อนการเก็บเกี่ยว และหลังการเก็บเกี่ยว
- การเพิ่มครัวเรือนเป้าหมายโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย ปี 2563 โดยขยายจำนวนครัวเรือนเป็น 202,173 ครัวเรือน ภายในวงเงินงบประมาณที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ 3,440 ล้านบาท
ในการประชุมครั้งนี้ นายฉันทานนท์ วรรณขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)เสนอรายงานการผลิตไม้ผล ปี 2564 (ภาคตะวันออก ภาคเหนือ ภาคใต้) ว่า ผลผลิตลำไยในภาคเหนือจะเพิ่มขึ้นจากปี 2563 จำนวน 806,414 ตัน เป็น 979,371 ตัน ลิ้นจี่เพิ่มขึ้นจาก 29,425 ตัน เป็น 30,716 ตัน ภาคตะวันออก ทุเรียนเพิ่มขึ้นจาก 550,035 ตันเป็น 575,542 ตัน มังคุดลดลง จาก 212,345 ตัน เป็น 106,796 ตัน เงาะลดลง จาก 210,637 ตัน เหลือ 197,708 ตัน ลองกองลดลงจาก 22,484 ตัน เหลือ 20,080 ตัน ภาคใต้ผลผลิตทุเรียน เพิ่มขึ้นจาก 518,896 ตันเป็น 609,813 ตัน มังคุดเพิ่มขึ้นจาก 122,616 ตัน เป็น 155,538 ตัน เงาะเพิ่มจาก 43,119 ตันเป็น 55,047 ตัน ลองกองเพิ่มจาก 34,396 ตันเป็น 48,417 ตัน
ทั้งนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบโครงการพัฒนา Ecosystem เพื่อจำหน่ายผลไม้ไทยครบวงจรบนแพลตฟอร์มออนไลน์งบประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกรมประชาสัมพันธ์ บริษัทไปรษณีย์ไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และคณะอนุกรรมการอีคอมเมิร์ซ กระทรวงเกษตรฯ เพื่อเพิ่มช่องทางตลาดออนไลน์แบบสั่งซื้อล่วงหน้า (Pre-order) เป็นกลไกการขายเชิงรุก โดยให้ใช้งบประมาณบริหารจัดการการตลาดที่ฟรุ้ทบอร์ดอนุมัติ โดยให้กรมการค้าภายในของกระทรวงพาณิชย์รับผิดชอบ และยังมีมติให้นำเสนอแผนงานกิจกรรมและงบประมาณ 492 ล้านบาท ทั้งที่ดำเนินการแล้วและที่จะดำเนินการในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ในการประชุมคราวหน้าตามแนวทางใหม่ที่ให้ลดงานและงบประมาณประเภทงานอีเวนท์ โดยให้เพิ่มงานการกระจายการจำหน่ายขายตรงและทำตลาดออนไลน์ออฟไลน์ทั้งในและต่างประเทศ
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อไปว่า ในการประชุมเดือนมิถุนายนจะเชิญทูตเกษตรและทูตพาณิชย์ทั่วโลก ร่วมประชุมผ่านระบบออนไลน์ เพื่อร่วมขับเคลื่อนการขยายตลาดผลไม้ไทยไปสู่ตลาดโลกมากขึ้น รวมทั้งมอบฝ่ายเลขาประสานงานกับศูนย์ AIC (ศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม:Agritech and Innovation Center) ทั่วประเทศ นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาพัฒนาผลไม้ไทยตั้งแต่ระบบการผลิต การแปรรูป โลจิสติกส์ และการตลาด เพื่อเพิ่มประเทศและขีดความสามารถในการแข่งขันของผลไม้ไทย เช่น เทคโนโลยีจุลินทรีย์ขจัดการปนเปื้อน และช่วยขยายการคงสภาพความสดของผลไม้ได้เพิ่มขึ้น โดย AIC จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นต้น ตลอดจนให้ประสานกับคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในโครงการ 1 กลุ่มจังหวัด 1 นิคมอุตสาหกรรม เพื่อให้มีการส่งเสริมอุตสาหกรรมการแปรรูปผลไม้ เช่น โครงการมหานครผลไม้ในภาคตะวันออกภาคใต้ และภาคเหนือ ต้องมีอุตสาหกรรมแปรรูปผลไม้ในรูปแบบเขตชุมชนอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม นิคมอุตสาหกรรม และเขตเศรษฐกิจพิเศษ ตามศักยภาพของพื้นที่ และที่ประชุมยังให้ฝ่ายเลขาพิจารณาเพิ่มผลไม้ที่มีอนาคต เช่น มะม่วง ฯลฯ สู่การเป็นผลไม้เศรษฐกิจใหม่ ๆ อีกด้วย
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 2812 ครั้ง