มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 2549 ครั้ง
“กระทรวงเกษตรฯ” ร่วมมือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพิ่มศักยภาพใหม่การส่งออกสินค้าเกษตรด้วยเทคโนโลยีจุลินทรีย์และสมาร์ทแพ็กกิ้งยืดอายุผลไม้ และสินค้าเกษตร “อลงกรณ์” ตั้งเป้าต้นปีหน้าเริ่มใช้นวัตกรรมใหม่ ผนึก “พาณิชย์” บุกตลาดจีน รัสเซีย ตะวันออกกลาง เอเซียกลางและยุโรปโดยรถไฟสาย “อีต้าอีลู่” (เส้นทางสายไหม)
วันนี้ (4 พ.ค.64) นายอลงกรณ์ พลบุตรที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ.ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนเทคโนโลยีเกษตร 4.0 และประธานคณะกรรมการบริหาร AIC (Agritech and Innovation Center) เปิดเผยว่า ตนและคณะจะประชุมกับศาสตราจารย์ ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและทีมวิจัยในวันพรุ่งนี้ (5 พ.ค.64) เวลา 13.00 น. ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่องความร่วมมือด้านเทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นศูนย์ AIC ที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลโดยเฉพาะ 3 โครงการที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ทำการวิจัยและพัฒนา ได้แก่
- โครงการพัฒนาวัคซีนโควิดจากพืชโดยจะเริ่มผลิตวัคซีนโควิดได้ปลายปีนี้
- โครงการพัฒนาการยืดอายุผลไม้ด้วยเทคโนโลยีจุลินทรีย์
- โครงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ยืดอายุและความสดของผัก ผลไม้และสินค้าเกษตร
- โครงการเทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมด้านอื่นๆ เช่น โคนมและผลิตภัณฑ์นม เป็นต้น
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับโครงการพัฒนาการยืดอายุผลไม้ด้วยเทคโนโลยีจุลินทรีย์และโครงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ (Smart Packing) ยืดอายุและความสดของผัก ผลไม้และสินค้าเกษตรนวัตกรรมใหม่นี้มาใช้กับแผนโลจิสติกส์เกษตรทางเลือกใหม่ในยุคโควิดเช่นการขนส่งระบบรางจากไทยผ่านจีนไปทุกมณฑลของจีน เกาหลี ภูมิภาคเอเชียกลางภูมิภาคตะวันออกกลาง รัสเซีย สแกนดิเนเวีย ยุโรปและอังกฤษภายใต้ขบวนรถไฟอีต้าอีลู่ (เส้นทางสายไหม) บนความร่วมมือระหว่างไทย-จีน-ลาว-เวียดนามเพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย
“มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ของแต่ละประเทศทำให้ต้นทุนการขนส่งโลจิสติกส์เพิ่มขึ้นทั้งทางบกทางน้ำและใช้เวลานานขึ้นในการข้ามแดนตั้งแต่ปี 2563 จนถึงวันนี้ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีเกษตรฯ จึงสั่งการให้เร่งแก้ไขปัญหาและวางแนวทางโลจิสติกส์ทางเลือกใหม่ๆ ภายใต้ “5 ยุทธศาสตร์เฉลิมชัย” และประกอบกับเส้นทางรถไฟสายจีน-ลาวจะแล้วเสร็จในเดือนธันวาคมนี้ เราจึงเตรียมความพร้อมล่วงหน้าในการขนส่งสินค้าทางรางด้วยเส้นทางนี้ โดยใช้โลจิสติกส์ฮับที่อุดรธานีและหนองคาย ตั้งเป้าเริ่มคิดออฟต้นปีหน้า อีกเส้นทาง คือ การขนส่งระบบรางผ่านด่านผิงเสียงบริเวณพรมแดนเวียดนามกับเขตปกครองตนเองกวางสีจ้วงของจีน เราหวังว่าถ้าสามารถใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ยืดอายุผลไม้สด เช่น ทุเรียน มะม่วง มังคุด ลำไย เงาะ ลองกอง ขนุน ผัก สมุนไพร เป็นต้น จะทำให้มีทางเลือกในการขนส่งที่ถูกลงมีเวลาแน่นอนจากต้นทางถึงปลายทางและใช้เวลาน้อยลงแต่มีช่วงเวลาขายยาวขึ้นเป็นประโยชน์ต่อผู้ค้าปลีกที่เป็นลูกค้าของไทยทั้งขายแบบออนไลน์และออฟไลน์และนี่คือการสร้างศักยภาพใหม่ในการส่งออกของเรา”
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 2549 ครั้ง