มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 2115 ครั้ง
รมว.ยุติธรรม ลงพื้นที่เรือนจำพิเศษพัทยา ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้ผู้ต้องขัง มั่นใจหลังจากนี้คลัสเตอร์เรือนจำไม่มีติดทีเดียวเพียบ เล็งเปลี่ยนกฎหมายยาเสพติดแก้ปัญหาจำนวนผู้ต้องขังลดแออัด
วันนี้ (5 มิ.ย.64) เวลา 10.00 น. ที่เรือนจำพิเศษพัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่ติดตามพร้อมเป็นประธานในพิธีเปิดการฉีดวัคซีนโควิดให้ผู้ต้องขัง เพื่อป้องกันแพร่ระบาดตามมาตรการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิดระบาดในเรือนจำ โดยมีว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายวีระกิตต์ หาญปริพรรณ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายนริศ นิรามัยวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และนายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษพัทยา เข้าร่วมงานด้วย
โดย รมว.ยุติธรรม ได้นำเข็มฉีดยาฉีดเข้าไปที่หุ่นเชื้อไวรัสจำลอง เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของพิธีเปิด พร้อมกล่าวว่า กระทรวงยุติธรรม มีความต้องการให้ผู้ต้องขังในเรือนจำ กลุ่มเปราะบาง เช่น ในเรือนจำพิเศษพัทยา ซึ่งอยู่ในเมืองท่องเที่ยว คือจังหวัดชลบุรีต้องปลอดโควิด จึงเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนแก่ผู้ต้องขัง ควบคู่ไปกับการฉีดวัคซีนทั่วประเทศในวันที่ 7 มิถุนายนนี้ ซึ่งขอขอบคุณกระทรวงสาธารณสุข ที่ทยอยส่งวัคซีนเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ขณะที่คลัสเตอร์ในเรือนจำที่มีผู้ต้องขังติดเชื้อโควิดเป็นจำนวนมากนั้น ตนมั่นใจว่าหลังจากได้รับวัคซีนยอดผู้ติดเชื้อจะลดลง และจากการดูแลรักษาพร้อมกับตัวเลขที่รายงานในแต่ละวัน อย่างเช่นวันนี้ประมาณ 300 กว่าคน เท่านั้น
ขณะที่ การบริหารจัดการวัคซีนแก่ผู้ต้องขังในเรือนจำจังหวัดพื้นที่สีแดง แต่เป็นเรือนจำสีขาว คือยังไม่มีผู้ติดเชื้อ ประมาณ 38 เรือนจำ จำเป็นต้องใช้วัคซีนจำนวนพอสมควร จึงประสานขอวัคซีนกับกรมควบคุมแล้วซึ่งพร้อมทยอยส่งให้เร็วนี้ ซึ่งกรมราชทัณฑ์ต้องมีมาตรการป้องกันและเตรียมความพร้อมอย่างเข้มงวดในการฉีด
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนได้อภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรถึงจุดอ่อนของการป้องกันโควิดในเรือนจำ ซึ่งเกิดขึ้นจากความแออัดที่ยังไม่ได้มาตรฐานในการเว้นระยะห่าง 1.2 ตารางเมตร ต่อคน ฉะนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องเร่งฉีดวัคซีน โดยขอให้มั่นใจว่าในคลัสเตอร์เรือนจำต่อจากนี้ จะไม่มีการติดทีเดียวมาก ๆ อีก เพราะได้มีการบริหารจัดการร่วมกันกับกระทรวงสาธารณสุขอย่างสม่ำเสมอ จึงอยากให้ญาติของผู้ต้องขังทั้งหลาย ที่มีอยู่กว่าสามล้านหนึ่งแสนกว่าคน มั่นใจได้โดยไม่ต้องเป็นห่วงญาติพี่น้องที่อยู่ในเรือนจำ
ขณะที่การแก้ไขเรื่องความหนาแน่นแออัดในเรือนจำ มีแผนจะเสนอร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยปรับมาตรฐานโทษใหม่ เช่น คดีนำยาบ้าข้ามมาจากประเทศเพื่อนบ้าน เดิมมีโทษขั้นต่ำจำคุก 15 ปี ให้เปลี่ยนโทษตามดุลพินิจของศาล มีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี ซึ่งจะทำให้มีผู้ได้รับพักโทษหรือพ้นโทษออกไปสูงถึง 30,000 คน และในส่วนนี้จะจัดให้มีงานทำในนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ ซึ่งเบื้องต้นได้หารือการสร้างนิคมฯกับทางหอการค้าแต่ละจังหวัดแล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการขนส่งวัคซีนไปยังเรือนจำที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล นายสมศักดิ์ เชื่อว่าไม่มีปัญหาในส่วนนี้ เพราะวัคซีนต้องถูกควบคุมโดยอุณหภูมิติดลบ 70 องศา จึงมีการวางแผนเวลาขนส่งแบบวันต่อวัน และให้ขนส่งผ่านทางเครื่องบินเพื่อความรวดเร็วที่สุด โดยตอนนี้ยังต้องการวัคซีนอีก 6.2 แสนโดส เพื่อฉีดให้ผู้ต้องขังในพื้นที่สีแดงกว่า 3.1 แสนคน และในส่วนของเจ้าหน้าที่เรือนจำด้วย
“การฉีดวัคซีนให้ผู้ต้องขังในเรือนจำเป็นการร่วมมือกันระหว่างกระทรวงยุติธรรม และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในกลุ่มเรือนจำสีขาว กลุ่มเปราะบางที่เป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจ โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคอ้วน มะเร็งและเบาหวาน เป็นต้น ขณะนี้มี 14 เรือนจำจะทำให้เสร็จก่อนวันที่ 7 มิ.ย.64 ซึ่งการฉีดวัคซีนที่เรือนจำพิเศษพัทยาวันนี้ มียอดทั้งหมด 480 โดส จากจำนวนผู้ต้องขังกว่า 3,252 คน” นายสมศักดิ์ กล่าว
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 2115 ครั้ง