ปธ.ศาลอุทธรณ์ ชี้ “ประหยัด พวงจำปา” ฟ้อง “วัชรพล-สุภา-วงศ์สกุล” อยู่ในเขตอำนาจศาลอาญาคดีทุจริต

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 2417 ครั้ง

ปธ.ศาลอุทธรณ์ ชี้ “ประหยัด พวงจำปา” ฟ้อง พล.ต.อ.วัชรพล-สุภา-วงศ์สกุล ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ม.157 อยู่ในเขตอำนาจพิจารณาของศาลอาญาคดีทุจริตฯ

ผู้สื่อข่าวมีรายงาน เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ที่ผ่านมา ได้มีคำวินิจฉัยของ ประธานศาลอุทธรณ์ ในคดีที่ วท.13/2564 คดีระหว่าง นายประหยัด พวงจำปา รองเลขาธิการ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช., น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. และนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด เป็นจำเลยที่ 1-3 โดยกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 , ม.200 , ม.91 และ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ม.172 , ม.183 จากกรณีที่ นายประหยัดถูกชี้มูลคดียื่นทรัพย์สินเป็นเท็จ คดีนี้ นายประหยัด ได้ยื่นฟ้องจำเลยทั้ง 3 คน ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1

แต่ในวันไต่สวนมูลฟ้อง ปรากฎว่า นางสุภา จำเลยที่ 2 และ นายวงศ์สกุล จำเลยที่ 3 ได้ยื่นคำร้อง ขอให้ศาลมีคำวินิจฉัย เรื่องขอบเขตอำนาจศาล โดยจำเลยที่ 2-3 อ้างว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงขอเสนอปัญหาเรื่องอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลชั้นต้น ไปให้ประธานศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้ส่งคำร้องพร้อมสำนวนมายังประธานศาลอุทธรณ์ เป็นผู้วินิจฉัย

พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 , 200 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมาตรา 172 , 183 อันเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ดังนั้นคดีนี้จึงเป็นคดีทุจริตและประพฤติมิชอบอยู่ในเขตอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบปี 2559 มาตรา 3 วรรคหนึ่ง วินิจฉัยว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ

ผู้สื่อข่าวมีรายงานว่า สำหรับการฟ้องร้องกัน ระหว่าง นายประหยัด พวงจำปา กับ พล.ต.อ.วัชรพล, นางสุภา และนายวงศ์สกุล เป็นต้นเรื่องของคดีที่ นายปรเมษฐ์ โตวิวัฒน์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ถูกร้องเรียนกล่าวหาว่า แทรกแซงการพิจารณาคดี ระหว่างโจทก์ และจำเลยในคดีข้างต้น เป็นเหตุให้ นายปรเมษฐ์ ถูกตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง และประธานศาลฎีกา มีคำสั่งให้ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 1

โดยนายปรเมษฐ์ เห็นว่า การที่ตนเองถูกย้ายจากการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ไม่ได้รับความเป็นธรรม นายปรเมษฐ์ จึงใช้สิทธิ์ในการยื่นฟ้อง คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงในชั้นต้น รวม 3 คน และ ยื่นฟ้อง ประธานศาลฎีกา ต่อ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบด้วย ซึ่งคดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นตรวจฟ้อง

นอกจากนี้ นายปรเมษฐ์ ยังยื่นฟ้อง นางสุภา กรรมการ ปปช. ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ในความผิดฐานดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาหรือพิพากษาคดี โดยศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ เวลา 13.30 น.

ขณะเดียวกัน นายปรเมษฐ์ ยังได้ยื่นคำร้องต่อ นายสิระ เจนจาคะ ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ กรณีที่ถูกคำสั่งของ ประธานศาลฎีกาย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 1 โดยไม่มีความเป็นธรรมอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะกรรมการตุลาการ หรือ ก.ต. ครั้งที่ 14/2564 เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติตามที่มีการเสนอให้พักราชการนายปรเมษฐ์ ในระหว่างการสอบสวน แต่ท้ายที่สุดแล้ว ที่ประชุม ก.ต. ก็มีมติ 9 ต่อ 6 ไม่เห็นชอบการพักราชการ นายปรเมษฐ์

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 2417 ครั้ง

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

แสดง
ซ่อน