มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 1995 ครั้ง
“ราชทัณฑ์” เผยโควิดในเรือนจำ เพิ่ม 44 ราย เสียชีวิต 2 ราย รักษาหายแล้ว 92% ชี้ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ผู้ป่วยระหว่างรักษาต่ำกว่า 2 พันรายเป็นวันแรก
วันนี้ (1 ก.ค.64) นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 เวลา 16.00 น.) พบผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่เพียง 44 ราย รักษาหายเพิ่ม 429 ราย เสียชีวิต 2 ราย รวมมีผู้ต้องขังติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 2,501 ราย
ภาพรวมของเรือนจำสีขาวและเรือนจำสีแดงยังคงเท่าเดิม คือ เรือนจำสีขาวที่ไม่พบการแพร่ระบาด 125 แห่ง และเรือนจำสีแดงที่พบการแพร่ระบาด 9 แห่ง ส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นการติดเชื้อจากแดนในของเรือนจำสีแดง 39 ราย ตรวจพบเชื้อในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 5 ราย (เรือนจำกลางชลบุรี 3 ราย เรือนจำกลางสมุทรปราการ และเรือนจำอำเภอธัญบุรี แห่งละ 1 ราย) โดยมีจำนวนผู้ป่วยที่รักษาหายสะสม 33,389 ราย หรือ 92% เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย รวมทั้งสิ้น 43 ราย หรือ 0.1% ของจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม
นายอายุตม์ กล่าวว่า ในวันนี้ นับเป็นวันแรกที่ยอดผู้ติดเชื้อระหว่างรักษาของพื้นที่กรุงเทพมหานครลดลงต่ำกว่า 2 พันราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสีเขียว ที่เมื่อได้รับการดูแลรักษาจะหายได้ในระยะเวลา 14 วัน จึงคาดว่าจะมีผู้ป่วยที่หายเพิ่มอีกกว่า 1 พันรายในช่วงต้นเดือนนี้ ส่งผลให้การแพร่ระบาดในเรือนจำพื้นที่กรุงเทพมหานครน่าจะดีขึ้นตามลำดับ ส่วนในพื้นที่ปริมณฑลและต่างจังหวัด พบเพียง 4 แห่ง ที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อเนื่อง คือ เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร เรือนจำกลางนครปฐม เรือนจำกลางสงขลา และทัณฑสถานหญิงสงขลา ซึ่งอยู่ระหว่างเร่งตรวจหาเชื้อเพื่อให้ได้รับการรักษาที่รวดเร็ว ช่วยลดผู้ป่วยหนัก ลดการเสียชีวิต และควบคุมสถานการณ์ได้โดยเร็ว
นายอายุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้เสียชีวิต 2 รายในวันนี้ รายแรกเป็นผู้ต้องขังชาย อายุ 44 ปี จากเรือนจำกลางบางขวาง มีโรคประจำตัว ไตวายระยะสุดท้าย เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ เข้ารักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ มีอาการเหนื่อย ร่วมกับภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดจากแผลกดทับ ให้การรักษาด้วยยา Favipiravir ยาปฏิชีวนะระดับสูง กระทั่งวันที่ 29 มิถุนายน ผู้ป่วยมีอาการซึมลง วัดสัญญาณชีพไม่ได้ ได้ทำการช่วยชีวิตตามกระบวนการอย่างเต็มประสิทธิภาพ ผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษาและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ส่วนรายที่ 2 เป็นผู้ต้องขังชาย อายุ 44 ปี รักษาตัวอยู่ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ มีโรคประจำตัว ไตวายระยะสุดท้าย มีอาการหอบเหนื่อย มีไข้ X-ray พบปอดอักเสบรักษาโดย Oxygen HFNC Favipiravir Dexamethasone ยาปฏิชีวนะระดับสูง ต่อมาผู้ป่วยมีภาวะความดันโลหิตต่ำ ให้ยาปรับความดันโลหิต Levophed ได้ประสานญาติผู้ป่วยทราบและการตัดสินใจของผู้ป่วย เรื่องการรักษาแบบประคับประคอง ญาติรับทราบและยินยอมตามการตัดสินใจของผู้ป่วย กระทั่งในวันที่ 29 มิถุนายน ผู้ป่วยมีอาการซึมลง วัดสัญญาณชีพไม่ได้ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา กรมราชทัณฑ์ขอแสดงความเสียใจต่อญาติและครอบครัวของผู้ต้องขังมา ณ โอกาสนี้
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 1995 ครั้ง