“ชำนาญ” ลุ้นปปช.ให้คำตอบสอบ “อนุรักษ์” คดีไลน์ล็อบบี้เลือก กต. วอนจับตา ก.ต. ลงมติตำแหน่งสำคัญ ชี้จะมีผลถึงโครงสร้างในอนาคต

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 1318 ครั้ง

นายชำนาญ รวิวรรณพงษ์ อดีตประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา กล่าวถึงความคืบหน้า กรณีที่ได้ยื่นร้องเรียนการกระทำของเจ้าพนักงานของรัฐ ต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ให้ตรวจสอบการกระทำของ นายอนุรักษ์ สง่าอารีย์กุล รองประธานแผนกคดียาเสพติดในศาลอุทธรณ์ กรณีถูกร้องเรียนว่าได้หาเสียงเลือกตั้ง ก.ต. บุคคลภายนอกในไลน์ “สภาตุลาการ” ทั้งที่มีหน้าที่เป็น ก.ต. ว่า จากการสอบถามไปครั้งล่าสุด ปปช. ยังไม่มีการตอบกลับถึงผลการตรวจสอบมาให้ตนทราบ ว่าผลการตรวจสอบออกมาในรูปแบบใด แต่ตามขั้นตอนทุกเรื่องที่เป็นเรื่องสำคัญก็ควรต้องพิจารณาโดยเร่งด่วน เพราะจะมีผลต่อการประชุม ก.ต. และการลงมติพิจารณาในตำแหน่งสำคัญในสำนักงานศาลยุติธรรม

“สำหรับเรื่องที่ตนได้ยื่นร้องเรียน ประธานศาลฎีกา ให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของนายอนุรักษ์นั้น เป็นเรื่องการดำเนินการทางวินัย แต่การยื่นเรื่องที่ปปช. เป็นกรณีเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 แต่จริงๆ แล้ว ปปช. มีอำนาจสอบทั้งคดีอาญาและคดีวินัยทั้งสองส่วน หากพบว่าเป็นความผิดทางคดีอาญา ก็ส่งให้อัยการดำเนินคดี ส่วนความผิดทางวินัยก็ส่งกลับมาให้สำนักงานศาลยุติธรรมดำเนินการต่อไป

ส่วนขั้นตอนการดำเนินการนั้น เวลาที่ได้ร้องเรียนไปนั้น ปปช. จะเชิญ นายอนุรักษ์ มาให้ข้อมูลตามที่ถูกร้องเรียนหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ เพราะสิ่งที่ตนทวงถามความคืบหน้ากับ ปปช. เพียงแค่ต้องการทราบผลการดำเนินการ ส่วนเรื่องอื่นก็ปล่อยให้เป็นดุลยพินิจของ ปปช. เพราะ ปปช.คงทราบดี ในเรื่องของขั้นตอนการตรวจสอบ เพราะ ปปช. ก็เป็นผู้ให้คะแนนองค์กรอื่น ว่าโปร่งใส และการทำงานรวดเร็วแค่ไหน ปปช.ก็ต้องโปร่งใส และรวดเร็วเช่นเดียวกัน”

นายชำนาญ ยังกล่าวว่า ในการประชุม ก.ต. ครั้งหน้าที่จะมีการพิจารณาตำแหน่งสำคัญ เช่น ประธานแผนกคดีทุจริตฯในศาลอุทธรณ์ ที่ต้องจับตาว่าจะมีการเสนอชื่อ นายอนุรักษ์ บุคคลที่ถูกร้องเรียนให้ดำรงตำแหน่งนี้ หรือไม่ เพราะหากลงมติไปแล้ว จะมีผลย้อนหลังตามมาแน่นอน และการพิจารณาของ ก.ต. ครั้งนี้จะเป็นครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ ว่าถ้า ก.ต. ปฏิบัติหน้าที่อย่างไรจะมีผลถึงอนาคตข้างหน้าของโครงสร้าง ก.ต. อย่างแน่นอน

นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษก ป.ป.ช. กล่าวในเรื่องนี้ว่าอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐาน

แหล่งข่าวจากกรรมการปปช. กล่าวเสริมว่า ทราบว่าเรื่องนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน หากมีมูลก็จะแต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวน หากพบว่ามีมูลก็จะชี้มูลตามขั้นตอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมใหญ่ศาลฎีกา สนามหลวง นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตุลาการครั้งที่ 21 /2564 โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบบัญชีโยกย้ายแต่งตั้ง 2 บัญชีจำนวน 110 รายชื่อ ยังเหลือบัญชีระนาบเดียวกันอีก 156 รายชื่อ ซึ่งคาดว่าจะมีการพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป ในการประชุม ก.ต. ครั้งที่ 22 /2564 ต่อไป ในวันที่ 18 ส.ค.นี้ ซึ่งจะมีการพิจารณาตำแหน่งที่จับตา คือ ประธานแผนกคดีทุจริตในศาลอุทธรณ์ ที่ก่อนหน้านี้ในบัญชีรายชื่อมีการเสนอชื่อ นายอนุรักษ์ สง่าอารีย์กุล รองประธานแผนกคดียาเสพติดในศาลอุทธรณ์ ให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว ซึ่งถูกร้องเรียนกรณีแชทไลน์หลุด โดยนายชำนาญ รวิวรรณพงษ์ อดีตประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา ยื่นค้านบัญชีดังกล่าว จากกรณีถูกร้องเรียนว่าได้หาเสียงเลือกตั้ง ก.ต. บุคคลภายนอกในไลน์ “สภาตุลาการ” ทั้งที่มีหน้าที่เป็น ก.ต. และตำแหน่งที่จะย้ายไปเป็นตำแหน่งสำคัญที่จะคุมคดีทุจริตในศาลอุทธรณ์

นอกจากนี้ยังมีประเด็นการพิจารณาเรื่องมีมติเห็นชอบให้ นายปรเมษฐ์ โตวิวัฒน์ อธิบดีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ซึ่งถูกตั้งกรรมการสอบสวนร้ายแรง ถูกกล่าวหาว่าแทรกแซงคดีในศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค1 ให้เป็นผู้พิพากษาอาวุโส หรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ ก.ต. มีมติให้อนุกรรมการตุลาการไปพิจารณากลั่นกรองก่อนเสนอ ก.ต. เห็นชอบอีกครั้ง

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 1318 ครั้ง

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

แสดง
ซ่อน