กลุ่มบริษัทเอไอเอ รายงานผลประกอบการสุดแข็งแกร่ง สำหรับครึ่งปีแรก ปี 2564

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 2085 ครั้ง

กลุ่มบริษัทเอไอเอ รายงานผลประกอบการสุดแข็งแกร่ง สำหรับครึ่งปีแรก ปี 2564 โดยมีมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 รวมถึงมูลค่าหุ้นตามมูลค่าธุรกิจ 70.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มูลค่าเงินกองทุนส่วนเกิน 17.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเงินปันผลระหว่างกาลที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6

นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทเอไอเอ (“เอไอเอ” หรือ “บริษัท” รหัสหลักทรัพย์: 1299) ได้ประกาศผลประกอบการทางการเงินสำหรับ 6 เดือนของกลุ่มบริษัท สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564

สรุปสาระสำคัญทางการเงิน : อัตราการเติบโตรายงานจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ ตามรายละเอียดด้านล่าง

• มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 เป็น 1,814 ล้านเหรียญสหรัฐ

• มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ในทุกกลุ่มที่รายงานเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนเกิดโรคระบาด ยกเว้นฮ่องกง

• มูลค่าหุ้นตามมูลค่าธุรกิจ (EV Equity) คิดเป็น 70.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากวันที่ 31 ธันวาคม 2563

• กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เป็น 3,182 ล้านเหรียญสหรัฐ

• เงินกองทุนส่วนเกิน 17.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.4 พันล้านดอลลาร์ จากวันที่ 31 ธันวาคม 2563

• Group Local Capital Summation Method (LCSM) มีอัตราส่วน (1) ร้อยละ 412

• เงินปันผลระหว่างกาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 เป็น 38.00 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น

นายหลี่ กล่าวว่า “เอไอเอมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่แข็งแกร่งมากถึงร้อยละ 22 และเพิ่มขึ้นในทุกตัวชี้วัดทางการเงินที่สำคัญของเรา ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มูลค่าธุรกิจใหม่ในทุกตลาดที่เรารายงาน เพิ่มขึ้นสูงกว่าช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โรคระบาดในครึ่งปีแรกของปี 2563 ยกเว้นฮ่องกงที่ข้อจำกัดด้านการเดินทางยังคงส่งผลกระทบต่อยอดขายจากนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่

“การเติบโตของพอร์ตโฟลิโอคุณภาพสูงของเรา ช่วยสนับสนุนการเติบโตในส่วนของกำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) และ มูลค่าของเงินกองทุนส่วนเกินที่เพิ่มขึ้น (USFG) โดยมีมูลค่าหุ้นตามมูลค่าธุรกิจ (EV Equity) และส่วนของผู้ถือหุ้นที่จัดสรรไว้เพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากของเรา สะท้อนให้เห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของเงินกองทุนส่วนเกิน และ Group LCSM ด้วยอัตราส่วนร้อยละ 412

“คณะกรรมการประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 เป็น 38.00 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น ตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างรอบคอบ ยั่งยืน และก้าวหน้าของเอไอเอ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสเติบโตในอนาคต และคงไว้ซึ่งความยืดหยุ่นทางการเงินของกลุ่มบริษัท

“ความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจของเราด้วยเทคโนโลยี ได้ช่วยพัฒนาความยืดหยุ่นขององค์กรเป็นอย่างมากเมื่อต้องเผชิญกับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่ยังคงดำเนินอยู่ เมื่อเปรียบเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2563 ตัวแทนที่อยู่ในโปรแกรมพรีเมียร์ เอเจนซี่ (Premier Agency) ของเราสามารถเพิ่มได้ทั้งผลผลิตและจำนวนตัวแทนที่ทำงานกับเรา นอกจากนี้ เรายังมีจำนวนตัวแทนที่ก้าวไปสู่การเป็นสมาชิกสโมสรล้านเหรียญโต๊ะกลม (MDRT) มากที่สุด ซึ่งเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25 หรือมากกว่า 16,000 ราย โดยเป็นความสำเร็จที่ต่อเนื่องกันเป็นปีที่เจ็ดสำหรับการมีจำนวนสมาชิก MDRT ที่มากที่สุดทั่วโลก

“เอไอเอ มีพันธกิจในการช่วยเหลือผู้คนให้สามารถดำเนินชีวิตโดยมีสุขภาพที่ดีขึ้น อายุที่ยืนยาวมากขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผ่านสินค้าและบริการของเราที่รวมเอาระบบนิเวศสำหรับในด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี พร้อมด้วยโซลูชั่นการออมในระยะยาวเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งนี้เรายังคงมุ่งเน้นที่การพัฒนาองค์ประกอบหลักในระบบนิเวศของเรา เพื่อส่งมอบผลลัพธ์ทางด้านสุขภาพที่ดีขึ้นให้แก่ลูกค้าของเรา

“เราเชื่อมั่นว่าการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง มีความเฉพาะตัว และมีความหมายสำหรับลูกค้าของเรา จะนำมาซึ่งประโยชน์ในทางธุรกิจมากมาย การเปลี่ยนเอไอเอ ให้เป็นองค์กรที่ทำงานได้ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น และเชื่อมต่อกันมากขึ้น จะช่วยสนับสนุนการส่งต่อจุดมุ่งหมายเชิงกลยุทธ์ของเราสำหรับการเติบโตในยุคต่อไป พร้อมกับต่อยอดความแข็งแกร่งให้กับประชาชน และสร้างโอกาสอันยิ่งใหญ่ในตลาดประกันชีวิตของเอเชีย ผมมั่นใจว่าการดำเนินงานตามกลยุทธ์ที่วางไว้อย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้เราสามารถสร้างความยั่งยืนในระยะยาวให้แก่ผู้เกี่ยวข้องทุกคน”

สรุปผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรก

การเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เป็นไปอย่างหลากหลายด้วยจำนวนสัดส่วนที่สามารถรายงานได้ของการเติบโตแบบตัวเลขสองหลัก สำหรับการเปรียบเทียบบนพื้นฐานที่เหมือนกัน (2) ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมของช่องทางตัวแทน และความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มอบความคุ้มครอง ผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมของพันธมิตรแบงก์แอสชัวรันส์ในแต่ละพื้นที่ยังช่วยสนับสนุนการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (3) ในช่องทางการขายผ่านพันธมิตรธนาคารของเรา

เอไอเอ ประเทศจีน ยังคงเป็นประเทศที่ส่งมอบมูลค่าธุรกิจใหม่ให้แก่กลุ่มบริษัทเป็นมูลค่าที่มากที่สุด และยังมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่อย่างแข็งแกร่งถึงร้อยละ 20 ด้วยการเปรียบเทียบบนพื้นฐานที่เหมือนกัน (4) นอกจากนี้ เรายังมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในการขยายตลาดสู่ภูมิภาคในประเทศจีน แผ่นดินใหญ่ ด้วยการเปิดตัวสาขาใหม่ในมณฑลเสฉวน และการได้รับการอนุมัติจากทางการในการเตรียมเปิดสาขาใหม่ในมณฑลหูเป่ย

แม้ว่ามาตรการการเดินทางยังคงจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศจีน แผ่นดินใหญ่ ธุรกิจของเราในฮ่องกงมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่อยู่ที่ร้อยละ 16 ซึ่งเป็นสัดส่วนจากลูกค้าภายในประเทศ โดยเป็นผลมาจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์อย่างตรงเป้าหมาย รวมถึงการเติบโตของผลิตภัณฑ์ใหม่ สำหรับสาขาในมาเก๊า ยอดขายจากนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน แผ่นดินใหญ่ ยังคงมีสัดส่วนคิดเป็น 1 ใน 3 ของจำนวนเบี้ยประกันภัยรับปีแรกทั้งหมดของครึ่งปีแรกประจำปี 2564 อันเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของแผนการเยือนรายบุคคล (Individual Visit Scheme)

ธุรกิจของเราในประเทศไทย ประสบความสำเร็จอย่างมาก ด้วยการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่สูงถึงร้อยละ 52 เปรียบเทียบกับในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ซึ่งเป็นผลมาจากความสำเร็จในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ผสมผสานในด้านความคุ้มครอง และผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน หรือยูนิต ลิงค์

ด้าน นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “ความสำเร็จในครั้งนี้ ผมขอขอบคุณทีมงานทุกภาคส่วน ทั้งทีมงานฝ่ายขาย ตัวแทนประกันชีวิตทุกท่าน รวมไปถึงเพื่อนพนักงานทุกระดับที่ร่วมมือร่วมใจกันทำงานอย่างหนัก แม้ในช่วงสถานการณ์ที่ยังคงมีความน่าเป็นห่วงจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลงานในครึ่งปีแรก ถือเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของพนักงานและตัวแทนเอไอเออย่างแท้จริง รวมไปถึงการที่เรามีความเข้าใจในความต้องการของลูกค้า และเป็นที่หนึ่งในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัยและตอบโจทย์ลูกค้าได้ในทุกช่วงชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ประกันยูนิต ลิงค์ ซึ่งมีความยืดหยุ่นและเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ใช้ในการบริหารการเงินที่เหมาะสมในช่วงเวลาเช่นนี้ เพื่อให้ได้รับทั้งความมั่นคงและมั่งคั่งในระยะยาว”

สำหรับมูลค่าธุรกิจใหม่ของ เอไอเอ สิงคโปร์ สูงขึ้นร้อยละ 32 เมื่อเทียบปีต่อปี แม้จะมีมาตรการกักตัวที่เข้มข้นในเดือนพฤษภาคม นอกจากนี้ เอไอเอ มาเลเซีย ได้ส่งมอบจำนวนการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่สูงที่สุดในบรรดาจำนวนสัดส่วนที่สามารถรายงานได้ของเราด้วยร้อยละ 89 ในขณะที่เรายังคงเห็นผลกระทบของการแพร่ระบาดในหลายตลาด แต่ในตลาดอื่นๆ ของเรายังคงมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เป็นตัวเลข 2 หลัก (3)

เรายังคงมีการพัฒนาอย่างยอดเยี่ยมด้วยการใช้กลยุทธ์เป็นสำคัญ และในขณะเดียวกันเราก็น้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะช่วยขยายความได้เปรียบในการแข่งขันของเรา และทำให้เอไอเอสามารถมีโอกาสในการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญทั่วเอเชีย การพัฒนาเทคโนโลยีของเราให้มีรูปแบบและระบบที่ทันสมัยระดับโลก ได้ผ่านการรวบรวมแผนและกำหนดเป้าหมาย โดยเราลงทุนอย่างมีเป้าหมายในอุปกรณ์ดิจิทัล และการฝังการวิเคราะห์ข้อมูลลงไปในธุรกิจของเรา การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้เราสามารถเพิ่มประสบการณ์ให้แก่ลูกค้า ตัวแทน พันธมิตร และพนักงานของเรา เพื่อบรรลุความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 2085 ครั้ง

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

แสดง
ซ่อน