มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 789 ครั้ง
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เข้มงวดความปลอดภัยตลอดกระบวนการขนส่งลูกกุ้งจากโรงเพาะฟักลูกกุ้งส่งถึงมือลูกค้า พร้อมเดินหน้าดูแลชุมชน สร้างงาน สร้างอาชีพ ทำให้มีรายได้อย่างต่อเนื่อง ช่วงโควิด-19
นายบุญธรรม กังแฮ รองกรรมการผู้จัดการ ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อผลิตอาหารที่มีคุณภาพ สะอาด และปลอดภัยส่งมอบให้ผู้บริโภค ซึ่งโรงเพาะฟักลูกกุ้ง เป็นต้นทางของการผลิตอาหาร มีระบบการเลี้ยงและอนุบาลลูกกุ้งที่สะอาด ปลอดจากเชื้อก่อโรค ปราศจากสารตกค้าง และมีระบบการตรวจสอบย้อนกลับทุกขั้นตอน เพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยของลูกกุ้ง รวมไปถึงความใส่ใจในขั้นตอนการขนส่งลูกกุ้ง ที่บริษัทฯจ้างงานคนในชุมชนมาเป็นเวลานานอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีประสบการณ์ดูแลลูกกุ้งเป็นอย่างดีระหว่างการขนส่ง และยังเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 ซึ่งยังต้องมีการขนส่งลูกกุ้งให้เกษตรกร ทำให้ชุมชนที่รับจ้างขนส่งลูกกุ้งมีรายได้อย่างต่อเนื่อง และยังเป็นการดูแลเกษตรกรที่เป็นคู่ค้ากับซีพีเอฟ โดยเกษตรกรเหล่านี้จะรับลูกกุ้งไปลงในบ่อดิน เพื่อเลี้ยงและจำหน่ายต่อไป
“บริษัทฯ มีนโยบายสนับสนุนชุมชนให้มีรายได้ที่มั่นคงและเติบโตไปด้วยกัน ซึ่งปัจจุบันโรงเพาะฟักลูกกุ้งของซีพีเอฟทั้ง 4 เขต คือ เขตภาคกลาง-ตะวันออก เขตอ่าวไทยตอนบน เขตอ่าวไทยตอนล่าง และเขตอันดามัน จ้างงานชุมชนขนส่งลูกกุ้งรวมกว่า 600 คน โดยในช่วงโควิด-19 โรงเพาะฟักฯทุกแห่ง เข้มงวดปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัยของบริษัท ทั้งสถานประกอบการสะอาด คนสะอาด ดูแลคนงานและพนักงานทุกคนรวมไปถึงครอบครัวให้ปลอดภัย และดำเนินการตามมาตรการของหน่วยงานภาครัฐอย่างเคร่งครัด” นายบุญธรรม กล่าว
ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 โรงเพาะฟักลูกกุ้งทุกแห่ง ได้ดำเนินการตามแนวปฏิบัติของสาธารณสุขของแต่ละจังหวัดอย่างเคร่งครัด โดยได้ร่วมกับสาธารณสุข จัดตรวจให้กับพนักงาน คนงาน และทีมรถขนส่งลูกกุ้งอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งบริษัทฯ มีนโยบายในการปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยของบริษัท และมาตรการแนวปฏิบัติของแต่ละจังหวัดอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 โรงเพาะฟักลูกกุ้งทุกแห่ง ยังได้ดูแลทีมรถขนส่งลูกกุ้ง อาทิ โรงเพาะฟักลูกกุ้งภาคตะวันออก จ.ตราด ร่วมกับสาธารณสุขอำเภอแหลมงอบ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) บ้านธรรมชาติล่าง ตรวจคัดกรองเชิงรุก ด้วย RT-PCR (SWAB) ให้กับทีมรถขนส่งลูกกุ้ง ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพบ้านธรรมชาติล่าง โดยจัดตรวจให้ทีมรถขนส่งลูกกุ้งอย่างสม่ำเสมอ โรงเพาะฟักลูกกุ้งตะวัน อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา โรงเพาะฟักลูกกุ้งโคกกลอย 2 และ 3 และโรงเพาะฟักลูกกุ้งพรหมเทพ จ.ภูเก็ต ดำเนินการตามแนวปฏิบัติของจังหวัด สำหรับผู้ที่เดินทางเข้า-ออกพื้นที่ โดยต้องมีหนังสือรับรองความจำเป็นในการเดินทาง ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ ต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และเมื่อเดินทางกลับเข้าพื้นที่ ต้องรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ที่รับรายงานตัว เป็นต้น
นายณรงค์วิทย์ ตรีเทพ หรือ เห็ด วัย 46 ปี อาชีพรับจ้างขับรถขนกุ้งของโรงเพาะฟักลูกกุ้งปะทิว จังหวัดชุมพร กล่าวว่า เป็นคนในพื้นที่ตำบลบางสน ซึ่งอยู่ห่างจากโรงเพาะฟักลูกกุ้งปะทิว ประมาณ 4 กิโลเมตร เริ่มต้นรับจ้างขับรถมาตั้งแต่อายุ 28 ปี ซึ่งตอนนั้นโรงเพาะฟักลูกกุ้ง เพิ่งเปิดดำเนินงานในพื้นที่ จนถึงทุกวันนี้ก็ยังยึดอาชีพนี้อยู่ เพราะทำให้มีรายได้เลี้ยงดูตัวเองและแม่ และคนในชุมชนอีกหลายๆ ที่รับจ้างขนส่งลูกกุ้ง ก็มีอาชีพที่มั่นคง มีงาน มีรายได้ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตโควิด-19 อีกส่วนหนึ่งเป็นคนในชุมชนที่ซีพีเอฟรับเข้าทำงานอื่นๆ ทั้งนักวิชาการ แม่บ้าน พนักงานรักษาความปลอดภัย ผมคิดว่าคนในชุมชนก็ได้ประโยชน์ด้วย ส่วนตัวคงยึดอาชีพนี้ต่อไป
“ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โรงเพาะฟักลูกกุ้ง ใช้มาตรการควบคุมความปลอดภัยอย่างเข้มงวด รวมไปถึงผู้ที่รับจ้างขนส่งลูกกุ้ง ที่ต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ที่กำหนดอย่างเคร่งครัด อาทิ ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา สวมถุงมือ มีเจลแอลกอฮอล์ในรถ ขั้นตอนก่อนเข้าโรงเพาะฟักต้องทำความสะอาดเพื่อฆ่าเชื้อโรค และจำกัดรถที่จะเข้าไปรับลูกกุ้ง ไม่ให้เข้าไปแออัด” ผู้รับจ้างขับรถขนส่งลูกกุ้งให้โรงเพาะฟัก กล่าว
นายจำเริญ จันท์เณร หรือ เริญ อายุ 50 ปี อาชีพรับจ้างขับรถขนส่งลูกกุ้ง ของโรงเพาะฟักลูกกุ้งปะทิว มา 5 ปีแล้ว เล่าว่า เป็นคนตำบลชุมโค ซึ่งห่างจากโรงเพาะฟักลูกกุ้งประมาณ 3-5 กิโลเมตร ก่อนหน้านี้ เคยทำงานบริษัทเอกชน แต่ช่วงเศรษฐกิจไม่ดี มีการเลออฟพนักงาน จึงกลับมาหางานทำที่บ้าน ประกอบกับแม่อยู่คนเดียว ไม่มีคนดูแล ตอนที่ตัดสินใจกลับมาหางานทำที่บ้าน ก็กังวลเพราะตนก็อายุเยอะแล้ว ต้องขอบคุณซีพีเอฟที่ให้โอกาส ให้งาน ให้อาชีพ และทำให้มีรายได้เลี้ยงตัวเองและดูแลครอบครัว พื้นที่บ้านเราเมื่อก่อน ไม่มีใครมีอาชีพเป็นหลักแน่นอน พอซีพีเอฟเข้ามาเปิดโรงเพาะฟักลูกกุ้ง คนในชุมชนมีงานทำ รวมทั้งผมด้วย และผมก็ยังแนะนำให้ญาติพี่น้องมารับจ้างขนส่งลูกกุ้งด้วย ยิ่งในช่วงโควิด-19 เราก็ยังมีรายได้จากการขนส่งลูกกุ้ง แต่วิถีชีวิตก็เปลี่ยนไปบ้าง เพราะเราต้องป้องกันความปลอดภัยของตัวเอง และทางโรงเพาะฟักลูกกุ้ง มีมาตรการป้องกันความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
นางสาวมาลิน ธนะประสพ อายุ 49 ปี อาชีพรับจ้างขับรถขนส่งลูกกุ้ง ของโรงเพาะฟักลูกกุ้งภาคตะวันออก จ.ตราด อาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.บางปิด ห่างจากโรงงาน 4 กิโลเมตร ทำมาแล้ว 18 ปี กล่าวว่า เดิมมีอาชีพทำสวนยางเป็นหลัก แต่พอมาทำอาชีพรับจ้างขนส่งลูกกุ้ง ตอนนี้กลายมาเป็นอาชีพหลักแทนแล้ว เพราะมีรายได้ต่อเนื่อง สร้างงานให้คนในชุมชนได้มาก ประมาณ 40 % ของคนในชุมชน ได้งานจากซีพีเอฟ ลูกสาวเพิ่งจบด้านเกษตรเพาะเลี้ยง ก็ได้งานที่ซีพีเอฟเหมือนกัน รักซีพีเอฟ เหมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน เป็นอาชีพมั่นคง และเป็นอาชีพที่เราส่งต่อให้ลูกหลานได้
นายพุทธรักษา โพธิมณี อายุ 38 ปี อาชีพรับจ้างขับรถขนส่งลูกกุ้ง ของโรงเพาะฟักลูกกุ้งภาคตะวันออก จ.ตราด ทำมาแล้ว 8 ปี อาศัยอยู่ ต.คลองใหญ่ เล่าว่า แต่ก่อนทำสวนเป็นอาชีพหลัก และอยากจะมีรายได้เสริม จึงมารับจ้างขับรถขนส่งลูกกุ้ง แต่ตอนนี้ทำอาชีพรับจ้างขนส่งลูกกุ้งเป็นอาชีพหลักแล้ว รู้สึกดีที่เรามีอาชีพที่มั่นคง มีงานประจำทำ ดีใจที่ซีพีเอฟเข้ามาตั้งโรงเพาะฟักลูกกุ้ง ทำให้คนในชุมชนมีงานทำ ทั้งรับจ้างขนส่งลูกกุ้ง คนสวน แม่บ้าน หรือแม้แต่เด็กที่เรียนจบใหม่ หรือยังไม่จบ ก็มาทำงานกับโรงเพาะฟักลูกกุ้งของซีพีเอฟ
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 789 ครั้ง