มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 2470 ครั้ง
“ราชทัณฑ์” วอนขอร้องอย่าสร้างข่าวบิดเบือน ผู้ต้องขังการเมืองไม่มีใครอาการหนัก “เพนกวิน-ฟ้า” รักษาโควิดหายแล้ว อยู่ระหว่างแพทย์พิจารณาส่งตัวกลับไปคุมขังยังเรือนจำตามปกติ
วันนี้ (31 ส.ค.64) นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ ขอรายงานสถานการณ์ และการควบคุมดูแลตัวผู้ต้องขังที่เป็นกลุ่มผู้ชุมนุมที่ออกมาเรียกร้องทางการเมือง เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ดังนี้
กลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ถูกส่งตัวเพื่อเข้ารับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จำนวน 5 ราย ประกอบด้วย นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นายพรหมศร วีระธรรมจารี หรือฟ้า นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ นายชาติชาย แกดำ และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ นั้น
ในวันนี้แพทย์ประจำทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้เข้าตรวจร่างกาย พบว่า นายพริษฐ์ฯ รู้สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง ช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่มีอาการหอบเหนื่อย มีไข้ต่ำ อ่อนเพลียเล็กน้อย มีไอเล็กน้อย ไม่มีน้ำมูก นอนหลับพักผ่อนได้ และนายพรหมศรฯ รู้สึกตัวดี ยิ้มแย้มพูดคุย ช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่มีหอบเหนื่อย ไม่มีไข้ ไม่มีปวดศีรษะ เจ็บเล็กน้อย รับประทานอาหารได้ ขับถ่ายปกติ นอนหลับพักผ่อนได้ โดยแพทย์ได้ลงความเห็นว่า ทั้งสองคนได้รับการรักษาโควิดหายแล้ว ผล X – ray ปอด เมื่อวันที่ 30 ส.ค.64 ของทั้งคู่เป็นปกติ และส่งตัวไปยังหอพักฟื้นผู้ป่วยเพื่อสังเกตอาการ พร้อมอยู่ระหว่างแพทย์พิจารณาส่งตัวกลับไปคุมขังยังเรือนจำฯ ตามปกติ
ในส่วนของนายภาณุพงศ์ฯ รู้สึกตัวดี ไม่มีอาการหอบเหนื่อย สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ผู้ป่วยสีหน้าสดใส ยิ้มแย้มพูดคุย ช่วยเหลือตัวเองได้ หายใจปกติ ไม่มีเจ็บแน่นหน้าอก ไม่มีหอบเหนื่อย ไม่มีไข้ ไม่เจ็บคอ ไม่มีปวดศีรษะ รับประทานอาหารได้ ขับถ่ายปกติ นอนหลับพักผ่อนได้ นายจตุภัทร์ฯ รู้สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง ช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่มีอาการหอบเหนื่อย ไม่มีไข้ อ่อนเพลียเล็กน้อย ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก นอนหลับพักผ่อนได้ ด้านนายชาติชายฯ รู้สึกตัวดี ช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่มีอาการหอบเหนื่อย มีไข้ สามารถนอนหลับพักผ่อนได้ รับประทานอาหารได้ ขับถ่ายปกติ ในส่วนการตรวจพบฝ้าที่ชายปอดแพทย์ได้ดูแลและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด โดยผู้ต้องขังทั้งหมดมีสัญญาณชีพและระดับออกซิเจนในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ
นายธวัชชัยฯ กล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีเพจ เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ เผยแพร่ข้อเขียนมีเนื้อหาเกี่ยวกับอาการป่วยโควิดล่าสุดและเรียกร้องให้กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ส่งตัวเพื่อนเราไปรักษาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์โดยเร็วที่สุด และขอให้พ่อแม่พี่น้องทุกคนช่วยกันติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้รัฐเล่นสกปรกลับหลังเรา นั้น กรมราชทัณฑ์ ขอยืนยันว่า การนำเสนอข่าวเป็นการรายงานจากข้อมูลทางการแพทย์และเป็นไปตามข้อเท็จจริง โดยในประเด็นของนายพริษฐ์ฯ ที่มีอาการโรคผิวหนัง มีผื่นคันตามตัว ได้รับการรักษาโดยแพทย์จ่ายยาทาให้ Ketoconazole cream และสังเกตอาการต่อเนื่อง พบมีอาการคันลดน้อยลง ในส่วนสภาพห้องผู้ป่วยที่อยู่มีผู้ต้องขังอยู่รวม 35 คน ซึ่งปัจจุบันอยู่ในสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้โรงพยาบาลทุกแห่งมีสภาพแออัดเช่นกัน ไม่เว้นแม้แต่โรงพยาบาลใหญ่ของรัฐภายนอกเรือนจำ รวมทั้งเพื่อนผู้ต้องขังในห้องผู้ป่วยมิได้เป็นโรคติดต่ออื่นที่สามารถแพร่เชื้อได้ เพราะทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์มีหอผู้ป่วยโรคเรื้อรังสำหรับผู้ต้องขังป่วยวัณโรคโดยเฉพาะ ในส่วนประเด็นนายภาณุพงศ์ฯ หรือไมค์ และนายชาติชายฯ หรือบอย ที่กล่าวอ้างว่ามีอาการทรุดและแย่ลงนั้น ก็ไม่เป็นความจริง เนื่องจากผู้ต้องขังทั้งสองคนมีสภาพร่างกาย สัญญาณชีพและระดับออกซิเจนในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ด้านประเด็นที่ผู้ป่วยร้องขอให้มีการตรวจร่างกายอย่างละเอียดแต่ไม่ได้รับการตอบรับจากโรงพยาบาลนั้น ขอเรียนว่า ผู้ป่วยทุกรายได้รับการซักประวัติ โรคประจำตัว อาการการเจ็บป่วย พร้อมทั้งได้รับการตรวจร่างกาย ตรวจเลือด และเอกซเรย์ปอด เป็นประจำทุกวัน เพื่อประกอบการวินิจฉัยโรคและให้การรักษาพยาบาลตามมาตรฐานวิชาชีพ และมีแผนการเอกซเรย์ปอดซ้ำอีกครั้งก่อนจำหน่ายออกจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ทุกคน อีกทั้งได้ตรวจสอบแล้ว ไม่พบว่ามีผู้ต้องขังรายใดยื่นคำร้องขอให้มีการตรวจร่างกายอย่างละเอียดแต่อย่างใด เนื่องจากทางทัณฑสถานโรงพยาบาบราชทัณฑ์ ดูแลให้การรักษาตามมาตรฐานโดยทีมบุคลากรทางการแพทย์ตามปกติอยู่แล้ว
นอกจากนี้ ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้มีหนังสือรายงานตามคำสั่งศาล รายงานอาการเจ็บป่วยของนายพริษฐ์ฯ จากการติดเชื้อโควิด-19 และทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์มีศักยภาพเพียงพอที่จะดูแลรักษาอาการเจ็บป่วยของนายพริษฐ์ฯ ไปยังศาลอาญา เพื่อชี้แจงในประเด็นการส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลแล้ว ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.64 จึงขอให้พี่น้องประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอมและข่าวบิดเบือน และยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าว ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 2470 ครั้ง