มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 1505 ครั้ง
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 22 ก.ย.64 ที่ห้องประชุม ชั้น 8 อาคาร 72 ปี กรมธนารักษ์ นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ว่าด้วยการพัฒนาความร่วมมือในการใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุ ระหว่างกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม กับ กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง โดยมีนายวารุจ ศิริวัฒน์ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธี
ทั้งนี้ เพื่อยกระดับความร่วมมือการใช้พื้นที่ราชพัสดุที่อยู่ในความครอบครองของกรมราชทัณฑ์ในการควบคุมและฟื้นฟูพฤตินิสัยของผู้ถูกคุมขังให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการ อีกทั้งเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ราชพัสดุที่อยู่ในความครอบครองใช้ประโยชน์และดูแลรักษาของกรมราชทัณฑ์ให้สอดคล้องตามกฎหมายและแนวทางปฏิบัติของกรมธนารักษ์ โดยจะได้มอบหมายผู้แทนของทั้งสองฝ่ายตรวจสอบการลงชื่อรับรองแนวเขตที่ดินซึ่งติดต่อกับที่ราชพัสดุที่อยู่ในความครอบครองดูแลของกรมราชทัณฑ์ รวมถึงให้การแนะนำแก่เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ เพื่อเป้าหมายการใช้พื้นที่ราชพัสดุที่อยู่ในความครอบครองของกรมราชทัณฑ์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการต่อไป
นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวขอบคุณกรมธนารักษ์ ที่ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการพัฒนาความร่วมมือในการใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุ พร้อมระบุว่า ปัจจุบันมีที่ราชพัสดุที่อยู่ในความครอบครองและใช้ประโยชน์ของกรมราชทัณฑ์หลายพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อใช้เป็นสถานที่ฝึกวิชาชีพให้กับผู้ต้องขัง ทั้งพื้นที่เพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ รวมทั้งการจัดเตรียมพื้นที่สำหรับผู้ต้องขังที่กำหนดโทษน้อย ได้ทำเกษตรพอเพียง โดยที่กรมราชทัณฑ์ ได้วางแผนว่าจะใช้พื้นที่ราชพัสดุใดให้เหมาะสมกับการฝึกอาชีพ เช่น พื้นที่สำหรับการเกษตร พื้นที่สำหรับการฝึกวิชาชีพอุตสาหกรรม
ตลอดจนการวางแผนพัฒนาพื้นที่ เพื่อดำเนิน “โครงการโคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์” เพื่อฝึกปฏิบัติเกษตรทฤษฎีใหม่ในพื้นที่ขนาดเล็กให้แก่ผู้ต้องขัง ได้มีความรู้ติดตัวไปประกอบอาชีพได้ภายหลังการพ้นโทษ อันเกิดจากพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงเล็งเห็นว่า ผู้ต้องขังที่จะพ้นโทษจากเรือนจำและทัณฑสถานออกไปอาจจะได้รับผลกระทบจากกระแสโลกาภิวัตน์ และการเปลี่ยนแปลงทางด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อันจะเป็นพื้นฐานในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ กลับมาทำมาหากินภายหลังพ้นโทษ และอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข โดยไม่หวนกลับมากระทำผิดซ้ำอีก นอกจากนี้ กรมราชทัณฑ์ ยังจะใช้ประโยชน์จากพื้นที่ราชพัสดุในส่วนของการเป็นเรือนจำชั่วคราว สำหรับผู้ต้องขังเข้าใหม่ และตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกด้วย
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 1505 ครั้ง