มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 2100 ครั้ง
วันนี้ (27 ก.ย.64) เวลา 09.45 น. พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เดินทางไปเยี่ยมอำลาหน่วยกองทัพเรือ ในพื้นที่สัตหีบ เนื่องในโอกาสเกษียณอายุราชการ บนเรือหลวงตากสิน ซึ่งจอดเทียบภายในท่าเทียบเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมี พลเรือเอก สุทธินันท์ สมานรักษ์ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ จากหน่วยต่าง ๆ ของกองทัพเรือในพื้นที่สัตหีบ ให้การต้อนรับ พร้อมทั้งจัดให้มีพิธีเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้บัญชาการทหารเรือ
เมื่อผู้บัญชาการทหารเรือ เดินทางขึ้นเรือหลวงตากสิน ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ได้เรียนเชิญผู้บัญชาการทหารเรือขึ้นแท่นรับความเคารพ โดยมี เรือหลวงปิ่นเกล้ายิงสลุต เพื่อเป็นเกียรติ จำนวน 19 นัด จากนั้นผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ลงจากเรือหลวงตากสิน ไปยังเรือหลวงท้ายเหมือง เพื่อตรวจพลสวนสนามทางเรือ เมื่อเสร็จสิ้นการตรวจพลสวนสนามทางเรือแล้ว ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ได้เรียนเชิญผู้บัญชาการทหารเรือ กลับขึ้นยังเรือหลวงตากสิน
ในการนี้ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ได้กล่าวสดุดี ผู้บัญชาการทหารเรือ โดยมีใจความสำคัญว่า “ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ดังจะเห็นได้จากการที่ท่านได้วางแนวทางในการปฏิบัติงานให้ได้มาตรฐานและแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้กำลังพลในกองทัพเรือปฏิบัติหน้าที่อย่างมีอาชีพ ทั้งถือเป็นแบบอย่างที่ดีเยี่ยมให้กับทหารเรือรุ่นหลัง ในการรับราชการที่จะเป็นกำลังพลหลักในการพัฒนากองทัพเรือ และประเทศชาติต่อไป ในโอกาสที่ผู้บัญชาการทหารเรือจะครบเกษียณอายุราชการ ผมในนามของราชการกองเรือยุทธการและหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือในพื้นที่สัตหีบ ขอขอบพระคุณท่านที่ได้เป็นแบบอย่างให้กับพวกเราในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเทเสียสละและขอขอบคุณท่านที่ได้สร้างความเชื่อมั่น ให้แก่กำลังพลที่ปฏิบัติงานด้วยขวัญและกำลังใจที่ดีเยี่ยม พวกเราทุกคนจะสืบทอดเจตนารมย์ของผู้บัญชาการทหารเรือ ที่จะปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติและประชาชนตามที่ผู้บัญชาการทหารเรือได้เป็นแบบอย่าง และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละให้ดีที่สุดอย่างเต็มกำลังความสามารถ”
จากนั้น ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้กล่าวอำลาชีวิตราชการว่า “กองเรือยุทธการ เป็นหน่วยกำลังที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการเตรียมกำลังรบทางเรือให้มีความพร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจในการปกป้องเอกราชและอธิปไตยของชาติ การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล รวมทั้งการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชน ตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่ผมดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ การปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ ของกองเรือยุทธการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ และนโยบายของกองทัพเรือที่กำหนดไว้ ได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงและพี่น้องประชาชนตลอดมา ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวเกิดขึ้นจากความร่วมมือของกำลังพลทุกนาย อันเนื่องมาจากพลังสามัคคี พลังราชนาวี จากการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ ผมขอแสดงความชื่นชม และขอขอบคุณกำลังพลทุกนาย ทั้งที่อยู่ และไม่ได้อยู่ ณ ที่นี้ ขอให้ท่านทั้งหลายร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจกันปฏิบัติงาน ด้วยความเข้มแข็ง ซื่อสัตย์สุจริต เพื่อให้กองทัพเรือของเรา เป็นกองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่น ศรัทธา และภาคภูมิใจตลอดไป
ในโอกาสที่ผมได้มาเยี่ยมขอบคุณกองเรือยุทธการในวันนี้ ผมขอส่งความปรารถนาดี ความระลึกถึงไปยังเพื่อนข้าราชการและทหารทุกคน ขอขอบคุณผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ที่ได้จัดพิธีสวนสนามทางเรือที่สง่างามให้แก่ผม ซึ่งช่วงเวลาที่ผมได้ปฏิบัติงาน ร่วมกับทุกท่านมาตลอดชีวิตรับราชการ จะคงอยู่ในความทรงจำของผมตลอดไป”
ต่อมาในเวลา 10.40 น. ผู้บัญชาการทหารเรือ เดินทางไปยังหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ในพิธีสวนสนามยานยนต์ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้บัญชาการทหารเรือ โดยมี พลเรือโท รณรงค์ สิทธินันทน์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ให้การต้อนรับ
เมื่อผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กล่าวรายงานตนแล้วได้เรียนเชิญ ผู้บัญชาการทหารเรือ ตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ เมื่อเสร็จสิ้นการตรวจแถวกองทหารเกียรติยศแล้ว ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ได้เรียนเชิญผู้บัญชาการทหารเรือไปยังปะรำพิธีฯ ในการนี้ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ได้กล่าวเทิดเกียรติและมอบของที่ระลึกแด่ผู้บัญชาการทหารเรือ จากนั้นผู้บัญชาการทหารเรือได้กล่าวอำลาชีวิตราชการโอกาสนี้ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ได้จัดการสวนสนามยานยนต์ เพื่อเป็นเกียรติแก่ ผู้บัญชาการทหารเรือเป็นอันเสร็จพิธี
การจัดพิธีตรวจพลสวนสนามทางเรือในวันนี้ มีการจัดกำลังพลจากกองเรือยุทธการจำนวน 1 กองร้อย ร่วมกับ กำลังทางเรือและอากาศยานเข้าร่วมในพิธี โดยหมู่เรือรับรอง ประกอบด้วย เรือหลวงตากสิน เป็นเรือรับรอง และ เรือหลวงท้ายเหมือง เป็นเรือตรวจพลหมู่เรือสวนสนาม (เรือจอด) ประกอบด้วยเรือหลวงปิ่นเกล้า เป็นเรือยิงสลุต ร่วมด้วย เรือหลวงนเรศวรเรือหลวงสายบุรี เรือหลวงตาปี เรือหลวงรัตนโกสินทร์ เรือหลวงสุโขทัย นอกจากนั้นยังมีการจัดกำลังอากาศนาวีจากกองการบิน กองเรือยุทธการร่วมในพิธี สำหรับในส่วนของการสวนสนามยานยนต์จัดกำลังสวนสนามประกอบด้วย กำลังพลพร้อมยุทโธปกรณ์จากหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เข้าร่วมในการสวนสนาม
ตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ได้มุ่งเน้นการพัฒนากองทัพเรือให้ขับเคลื่อนตามยุทธศาสตร์ วิสัยทัศน์ และพันธกิจ ด้วยนโยบายที่มุ่งหวังให้กองทัพเรือ สามารถสร้างหลักประกันด้านความมั่นคงทางทะเลให้กับประเทศ ธำรงไว้ซึ่งเกียรติ ศักดิ์ศรีในสังคมโลก เป็นที่ยอมรับ เชื่อถือ น่าชื่นชม และได้รับการยกย่องจากสาธารณชน โดยมอบนโยบายให้กำลังพลทุกนายยึดมั่นว่า กองทัพเรือ ต้องปฏิบัติหน้าที่ปกป้อง สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถและมีแนวทางที่มอบให้แก่กำลังพลในกองทัพเรือที่ว่า “The Power of Unity The Power of the Navy” “พลังสามัคคี พลังราชนาวี”
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 2100 ครั้ง