มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 1554 ครั้ง
“กรมราชทัณฑ์” ชี้แจง กรณีมีบุคคลแอบอ้างเรียกรับเงินจากญาติผู้ต้องขัง ยืนยัน ไม่มีนโยบายเรียกรับเงินเพื่อแลกการรักษา COVID-19 แต่อย่างใด
วันนี้ (14 ม.ค.65) นายณรงค์ จุ้ยเส่ย รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึง กรณีที่มีบุคคลแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่พยาบาลประจำเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก และเรียกรับเงินจากญาติผู้ต้องขัง เพื่อแลกกับการรักษาตัวผู้ต้องขังที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ นั้น
กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า บุคคลดังกล่าวไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่และไม่มีความเกี่ยวข้องกับทางเรือนจำจังหวัดพิษณุโลกแต่อย่างใด เป็นเพียงการแอบอ้างจากมิจฉาชีพที่ฉวยโอกาสในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยบุคคลดังกล่าวได้ติดต่อไปญาติผู้ต้องขัง และอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่พยาบาลเรือนจำฯ เพื่อเรียกรับเงินจากญาติผู้ต้องขัง โดยแจ้งว่าเป็นค่ารักษาตัวผู้ต้องขังที่ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (ในขณะนั้น) โดยจะนำไปจ่ายเป็นค่าอาหารและยารักษาโรค ซึ่งญาติผู้ต้องขังได้หลงเชื่อจึงโอนเงินไปให้เป็นจำนวน 3,000 บาท จนกระทั่งได้เข้าสอบถามที่เรือนจำฯ และพบว่าเป็นการแอบอ้างจึงได้เข้าร้องเรียนเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดดังกล่าว ซึ่งเบื้องต้น ทางเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก ได้ทำความเข้าใจแก่ญาติผู้ต้องขัง พร้อมดำเนินการแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรวังทอง เพื่อสืบสวน พร้อมวางแผนจับกุมบุคคลดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัว
นายณรงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมราชทัณฑ์ ไม่มีนโยบายในการเรียกรับค่าตอบแทนในการให้บริการแก่ญาติ ตลอดจนผู้ต้องขังทุกราย โดยเฉพาะในการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ผู้ติดเชื้อทุกรายจะได้รับการดูแลรักษา ทั้งจากสถานพยาบาลเรือนจำ รวมถึงจากโรงพยาบาลแม่ข่าย และสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่เพื่อเข้าดำเนินการดูแลรักษา และให้ยาตามมาตรฐานทางการแพทย์ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด และปัจจุบัน เรือนจำจังหวัดพิษณุโลกได้พ้นจากการเป็นเรือนจำแพร่ระบาดแล้วเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 1554 ครั้ง