ทร. เร่งตรวจสอบคราบน้ำมัน เรือบรรทุกน้ำมัน 5 แสนลิตร อับปางกลางอ่าวไทย

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 1720 ครั้ง

วันนี้ (23 ม.ค.65) พลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 มกราคม ที่ผ่านมา เวลา 19.15 น. ศูนย์ปฏิบัติการทัพเรือภาคที่ 1 ได้รับแจ้งว่า เรือบรรทุกน้ำมันดีเซล ชื่อ ป. อันดามัน 2 ซึ่งจอดทอดสมอและอับปางลง บริเวณ แลต.10 องศา 35.06 ลิปดา น. ลอง.99 องศา 38.35 ลิปดา อ. (ระยะห่างจากปากน้ำชุมพรประมาณ 24 ไมล์ทะเล) โดยภายในเรือ มีน้ำมันอยู่ประมาณ 5 แสนลิตร

ทั้งนี้ พลเรือโท พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ได้สั่งการให้ เรือ ต. 114 พร้อมอากาศยานจากกองการบินทหารเรือ ออกปฏิบัติการในการเข้าพื้นที่และวางทุ่นป้องกันอันตรายจากเรือ ที่ใช้เส้นทางคมนาคมในทะเลรวมถึงระมัดระวัง น้ำมันที่อาจจะรั่วไหลเพิ่มเติมออกมา ตลอดจนตรวจสอบว่า คราบน้ำมันทิศทางการไหลเคลื่อนที่และขยายตัวไปในทิศทางที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ชายฝั่งหรือไม่ รวมถึง สั่งการให้ หน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือ เตรียมความพร้อมในการสนับสนุนการขจัดคราบน้ำมัน พร้อมทั้งประสานกรมเจ้าท่าในการดำเนินการจำกัดพื้นที่ของน้ำมันที่รั่วไหลและพร้อมดำเนินการกู้เรือต่อไป (ตามระดับของ Teir) และประสานงานกับศูนย์อำนวยการรักษาความมั่นคงทางทะเล จังหวัดชุมพร และพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อแจ้งเตือนผลกระทบจากการรั่วไหลของน้ำมันดังกล่าว

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้น เรือ ปออันดามัน 2 มี นายวายุ หมอยาดี เป็นนายเรือ มีลูกเรือจำนวน 5 นาย ซึ่งทั้งหมดปลอดภัย โดยได้รับการช่วยเหลือจากเรือวีนัส 21 ซึ่งเป็นเรือที่จ่ายน้ำมันให้กับเรือ ป.อันดามัน 2 ก่อนที่เรืออันดามัน 2 จะจม โดยในขณะนี้ ได้มีการประสานกับ บริษัทแหลมทองค้าน้ำมันประมงไทยจำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของเรือให้รับทราบรวมถึงเตรียมยาสลายคราบน้ำมันกรณีเกิดน้ำมันรั่วไหลพร้อมทุ่นรับน้ำมันบริเวณเรือจมรวมถึงทำการกู้เรือต่อไป

ทั้งนี้จากการตรวจสอบในเบื้องต้นจากการลาดตระเวนของอากาศยานพบคราบน้ำมันลอยเป็นแนวยาวประมาณ 10 กิโลเมตรโดยมีความกว้างประมาณ 100-200 เมตร เคลื่อนที่ขึ้นไปทางทิศเหนือ ซึ่งจากการประเมินสถานการณ์ระดับความรุนแรงอยู่ในระดับที่ 1 (Tier 1) ซึ่งหากพบว่าการรั่วไหลของน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นระดับที่ 2 (TEIR 2) ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือจะสั่งจัดตั้งศูนย์ควบคุมการขจัดคราบน้ำมัน ทัพเรือภาคที่ 1 ต่อไป

มีรายงานล่าสุดว่า จากการตรวจสอบคราบน้ำมันที่กระจายตัวพบว่า ลักษณะของน้ำมันเป็นฟิล์มน้ำมันบางๆ การปล่อยให้สลายตัวตามธรรมชาติ จะมีความเหมาะสม เนื่องจากชนิดของน้ำมันที่รั่วไหลสามารถสลายตัวเองได้ดีในธรรมชาติ แต่ยังต้องมีการติดตามและเฝ้าระวังผลกระทบของคราบน้ำมันว่าจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมบริเวณใกล้เคียงในลักษณะใดบ้าง เพื่อหาวิธีแก้ไขที่เหมาะสมต่อไปคือการกักและเก็บทำได้โดยใช้ทุ่นน้ำมัน (Boom) จำกัดขอบเขตการแพร่กระจายของน้ำมันเอาไว้ ตอนที่กู้เรือ สำหรับใช้สารเคมีขจัดคราบน้ำมันเป็นวิธีการที่ใช้สารเคมีขจัดคราบน้ำมันบนผิวน้ำได้ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งต้องทำภายใน 24 ชม.เมื่อเกิดเหตุจากชนิดของน้ำมันในครั้งนี้คือ ดีเซล ซึ่งจัดเป็น น้ำมัน เบา

โฆษกกองทัพเรือ ยืนยันว่า กองทัพเรือ มีความพร้อมทั้งยุทโธปกรณ์และกำลังพล ในการขจัดคราบน้ำมันในทะเล ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้มีการฝึกซ้อมกัน อย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งนโยบายที่สำคัญของกองทัพเรือ เพื่อพิทักษ์รักษา ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องทะเล ซึ่งนับว่าเป็นแหล่งผลประโยชน์ของชาติที่สำคัญของประเทศ ให้คงไว้อย่างยั่งยืน โดยความคืบหน้าทางกองทัพเรือจะรายงานให้ทราบในโอกาสต่อไป

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 1720 ครั้ง

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

แสดง
ซ่อน