มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 1502 ครั้ง
ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้กำหนดนโยบายสำคัญในการพัฒนาภาคเกษตร โดยจัดทำโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ ที่มีการบริหารจัดการร่วมกัน โดยให้เกษตรกรเป็นศูนย์กลางในการดำเนินงาน ผลักดันให้เกษตรกรรวมกลุ่มในการผลิตเพื่อร่วมกันจัดหาปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพดี ราคาถูก และ การใช้เทคโนโลยีการเกษตรที่เหมาะสม เช่น เครื่องจักรกลการเกษตร (Motor Pool) เพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ตลอดจนการจัดการด้านการตลาด ช่วยพัฒนาเกษตรกรให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น มีการพัฒนาเชิงพื้นที่ตามศักยภาพ สู่การพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตรตามความต้องการตลาด ด้วยการบูรณาการทุกภาคส่วน โดยหน่วยงานภาครัฐให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวก เป็นการเพิ่มอำนาจ การต่อรองของเกษตรกรตลอดกระบวนการผลิต และตลอดโซ่อุปทาน
ด้าน นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2565 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่พบปะกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ลำไย เพื่อให้กำลังใจและเยี่ยมชมการดำเนินกิจกรรม พร้อมมอบนโยบายแนวทางการขับเคลื่อนโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านป่าลาน (กลุ่มแปลงใหญ่ลำไย) หมู่ที่ 4 ตำบลหนองตอง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้เข้าร่วมโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด และจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลในนาม ห้างหุ้นส่วนจำกัดแปลงใหญ่ลำไยคุณภาพหนองตอง มีสมาชิก 154 ราย พื้นที่ปลูก 985 ไร่ ทางกลุ่มได้นำงบประมาณที่รับการสนับสนุนจากโครงการยกระดับแปลงใหญ่ฯ จำนวน 2.8 ล้านบาท มาใช้สร้างอาคารคัดบรรจุผลผลิต อาคารรับซื้อผลผลิต และจัดซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็น ซึ่งช่วยให้การทำงานของกลุ่มมีความคล่องตัว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด มีเป้าหมายในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตให้กับกลุ่มแปลงใหญ่ที่มีศักยภาพ และมีสถานะเป็นนิติบุคคลตามระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสม และยกระดับการผลิตไปสู่สินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐาน สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากงบประมาณที่กลุ่มแปลงใหญ่จะได้รับการสนับสนุนตามที่เสนอขอแล้ว กรมส่งเสริมการเกษตร ยังได้สนับสนุนองค์ความรู้ด้านการพัฒนาศักยภาพและสร้างความเข้มแข็งในการบริหารธุรกิจให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงพัฒนาคุณภาพผลผลิตให้มีมาตรฐาน และมีระบบการตลาดที่แน่นอน
ด้าน นางสาวรัตฑณา จันทร์คำ ประธานกลุ่มแปลงใหญ่ลำไยตำบลหนองตอง กล่าวว่า จากที่ได้รับการสนับสนุนเงินทุนเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือที่จำเป็นจากโครงการยกระดับแปลงใหญ่ฯ ส่งผลให้ที่ผ่านมา ทางกลุ่มสามารถช่วยเกษตรกรผู้ปลูกลำไยให้ผ่านช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ได้เป็นอย่างดี สามารถรวบรวมและกระจายผลผลิตสดออกสู่ตลาด มูลค่าไม่ต่ำกว่า 16 ล้านบาทต่อปี และมีรายได้จากการร่อนลำไย มูลค่ากว่า 9 แสนบาท ทำให้ทางกลุ่มมีศักยภาพและความเข้มแข็งในการบริหารธุรกิจให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ พัฒนาคุณภาพผลผลิตให้มีมาตรฐาน มีตลาดที่แน่นอน และสร้างรายได้ให้แก่สมาชิกเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกลำไยรายใหญ่ของโลก โดยส่วนใหญ่ส่งออกในรูปลำไยสดและลำไยอบแห้ง โดยในปี 2564 มีการส่งออกลำไยสด ประมาณ 3.4 แสนตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.24 หมื่นล้านบาท และส่งออกลำไยอบแห้ง ประมาณ 8.4 หมื่นตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4.2 พันล้านบาท และยังมีการส่งออกลำไยกระป๋องประมาณ 7 พันตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 481 ล้านบาท ประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน อินโดนีเซีย เวียดนาม ฮ่องกง และสาธารณรัฐเกาหลี โดยมีแหล่งผลิตมากที่สุดในพื้นที่ภาคเหนือ ประมาณ 1.2 ล้านไร่ ภาคกลางและภาคตะวันออก ประมาณ 4 แสนไร่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ 3 หมื่นไร่ และภาคใต้ 373 ไร่ โดยการคาดการณ์สถานการณ์การผลิตลำไย ปี 2565 จังหวัดเชียงใหม่ จะมีผลผลิตรวมประมาณ 4.4 แสนตัน เพิ่มขึ้นจากปี 64 คิดเป็น 9.8% และคาดการณ์การเก็บเกี่ยวลำไยในฤดูเก็บเกี่ยวเดือนมิถุนายน – กันยายน โดยจะมีการเก็บเกี่ยวสูงสุดในเดือนสิงหาคม ส่วนลำไยนอกฤดู จะทยอยให้ผลผลิตตลอดปี โดยมีช่วงเก็บเกี่ยวมากสุดในเดือน ธันวาคม – มกราคม
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 1502 ครั้ง