แพทย์เชี่ยวชาญ-หมอเด็ก แนะ พ่อแม่พาลูกฉีดวัคซีนโควิด ลดเสี่ยง

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 1354 ครั้ง

แพทย์เชี่ยวชาญ-หมอเด็ก แนะ พ่อแม่พาลูกฉีดวัคซีนโควิด ลดเสี่ยง เลี่ยงภาวะลองโควิด เผย 90% อาการไม่รุนแรงหายได้เอง หลังรักษาหาย 3 เดือน ฉีดวัคซีนตามปกติ

ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี นายกแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย และรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยสยาม และ รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) และกุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและวัยรุ่น กล่าวในรายการ Covid Forum ที่นี่มีคำตอบ จัดโดยกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ร่วมกับสมาคมสมาพันธ์สถานประกอบการเพื่อสุขภาพและผู้สูงอายุ ถึงประเด็น “โควิด-19 อันตรายกับเด็กอย่างไร”

ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร กล่าวว่า สำหรับโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน อาการทั่วไปไม่แตกต่างจากสายพันธุ์เดิม เพียงแต่ความรุนแรงลดลงแต่แพร่เชื้อง่ายขึ้น การติดเชื้อในเด็กสิ่งสำคัญคือจะต้องให้เด็กติดเชื้อแยกตัวออกจากผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคประจำตัวอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันการแพร่และติดเชื้อในกลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรง อาการสังเกตในเด็กที่ติดเชื้อ เบื้องต้นคล้ายไข้หวัด เช่น ไข้สูง 38-39 องศาเซลเซียส ปวดศีรษะและกล้ามเนื้อ ไอ เจ็บคอ อ่อนเพลีย หนาวสั่น เบื่ออาหาร คัดจมูก มีน้ำมูกใสๆ ไอแห้งๆ อาจเกิดร่วมกับอาการอาเจียน ท้องเสีย หรือสูญเสียประสาทรับกลิ่น รับรสชั่วคราว แต่ให้สังเกตว่าถ้ามีอาการเจ็บคอ หายใจลำบาก บางรายมีอาเจียน คลื่นไส้ ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่าจะติดเชื้อโควิด ให้รีบไปพบแพทย์ทันที ทั้งนี้ สำหรับเด็กที่ได้รับวัคซีนเข็ม 1 แล้วติดเชื้อก็จะเหมือนการรับวัคซีนตามธรรมชาติ 1 เข็ม ดังนั้น การฉีดเข็ม 2 ที่เป็นเข็มต่อเนื่อง ก็ขอให้ฉีดหลังหายติดเชื้อแล้ว 3 เดือน

ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร กล่าวว่า สำหรับเด็กติดเชื้อโควิด-19 พบว่ากว่าร้อยละ 90 ไม่มีอาการรุนแรงและสามารถหายได้เอง แต่เมื่อหายแล้วให้สังเกตอาการทั่วไปหลังจากนั้น เช่น การเดิน นั่ง นอน การรับประทานได้เป็นปกติ ก็ไม่มีความน่าห่วงกังวลอื่นเพิ่มเติม แต่ถ้า 2-6 สัปดาห์ที่หายจากโควิดแล้วมีอาการ เช่น เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ขาบวม ที่เป็นการอักเสบทั่วร่างกายอย่างที่พบในผู้ใหญ่ที่หายจากโควิด ให้รีบมาพบแพทย์เพื่อวินิจฉัย ขณะที่ ภาวะลองโควิด-19 (Long Covid-19) ในเด็ก พบได้ร้อยละ 25-45 ซึ่งระบบที่พบ ได้แก่ ระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบประสาท ระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น

“ภาวะเหล่านี้มักไม่รุนแรงแต่เรื้อรัง อาการจะเป็นๆ หายๆได้ ใช้การรักษาตามอาการ และติดตามอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น หากผู้ปกครองสงสัยว่าบุตรหลานอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง ควรตรวจหาเชื้อโดยเร็ว หากพบว่าติดเชื้อก็สามารถพักรักษา 7-14 วัน เฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด และ หากบุตรหลานท่านยังไม่ได้รับวัคซีน ก็ขอให้ติดต่อขอรับการฉีดตามกำหนด รวมถึงผู้สูงอายุ กลุ่มผู้ป่วยที่อยู่ในบ้าน ก็ต้องได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นตามกำหนดเช่นกัน เพื่อลดโอกาสแพร่และรับเชื้อ ลดความรุนแรงและการเสียชีวิต” ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร กล่าว

ด้าน รศ.นพ.สุริยเดว กล่าวว่า การติดเชื้อโควิดในเด็ก เป็นเรื่องที่ผู้ปกครองกังวลใจอย่างมาก ด้านการดูแลสุขภาพ ผู้ปกครองจะต้องสังเกตว่าเด็กมีอาการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นหรือไม่ เพื่อส่งต่อการรักษาได้ทันท่วงที นอกจากนั้นยังต้องคำนึงถึงสุขภาพจิตใจของเด็ก จึงต้องมีการวางแผนดูแลป้องกันภาวะเครียดระหว่างการรักษาอาการโควิด-19 ที่ต้องใช้เวลาหลายวัน เพราะเด็กๆ ถูกจำกัดพื้นที่ ดังนั้น พ่อแม่จึงต้องพี่เลี้ยงที่รู้ใจ พูดคุยคลายความวิตกกังวล แลกเปลี่ยนความรู้สึก โดยผู้รับฟังไม่มีการแทรกแซงในระหว่างที่เล่า ให้กำลังใจโดยการสร้างทัศนคติในเชิงบวก มีกิจกรรมสร้างสรรค์ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การวาดรูป การร้องเพลง การเล่นดนตรี การเล่านิทาน การประดิษฐ์งานศิลปะที่ชื่นชอบ

อย่างไรก็ตาม รศ.นพ.สุริยเดว กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือ การป้องกันไม่ให้บุตรหลานติดเชื้อ โดยการป้องกันตัวเองอย่างเคร่งครัด ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างและล้างมือ ทั้งนี้ ช่วงการระบาดที่ผ่านมา กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงวัฒนธรรม ได้ออก คู่มือการดูแลสุขภาพจิต ฉบับประชาชน” เพื่อให้ประชาชนสามารถประเมินความเครียดของคนรอบข้างได้เบื้องต้น ภายคำถาม 10 ข้อ เพื่อจำแนกระดับความเครียด 3 กลุ่มสี ให้ได้รับการดูแลตามเหมาะสม ทั้งนี้ สามารถติดต่อขอรับได้ที่สายด่วนกระทรวงวัฒนธรรม 1765 และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทุกจังหวัด รวมถึงสายด่วนสุขภาพจิต 1323 เพื่อนำมาปรับใช้ดูแลด้านสุขภาพจิตเด็กๆ ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและต้องช่วยกันดูแลให้ดีที่สุด

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 1354 ครั้ง

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

แสดง
ซ่อน