ชาวสวนผลไม้มีเฮ !! “อลงกรณ์” แจ้งข่าวดีเตรียมขนผลไม้ไทยด้วยรถไฟ “จีน-ลาว” หลังจุดตรวจโรคพืช ด่านรถไฟโมฮ่านเปิดบริการ ธ.ค.นี้

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 642 ครั้ง

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) เปิดเผยวันนี้ว่า ได้รับรายงานจากสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงปักกิ่ง และฝ่ายเกษตร ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว ว่า จุดตรวจสอบและกักกันผลไม้นำเข้า ที่ด่านรถไฟโม่ฮาน ได้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วและผ่านการตรวจรับจากศุลกากรคุนหมิงเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอตรวจรับจากกระทรวง GACC ในส่วนกลาง ซึ่งน่าจะดำเนินการแล้วเสร็จทันเวลาที่คณะกรรมการพัฒนาและการฏิรูปมณฑลยูนนาน กำหนดจัดพิธีเปิดจุดตรวจสอบสอบกักกันผลไม้นำเข้า ด่านรถไฟโม่ฮาน ในวันที่ 3 ธันวาคมนี้ เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 1 ปี ของการเปิดเส้นทางรถไฟจีน-ลาว ถือเป็นข่าวดีของชาวสวนผลไม้ที่จะมีการขนส่งทางรางโดยเส้นทางรถไฟจีน-ลาว จากไทยไปถึงคุนหมิง เปิดบริการขนส่งผลไม้ไทยไปยังตลาดจีนเพิ่มอีกเส้นทางหนึ่ง

ซึ่งรายงานล่าสุดยืนยันแล้วว่าจีนจะเปิดจุดตรวจสอบและกักกันพืชที่ด่านรถไฟโมฮ่านบริเวณพรมแดนจีน-ลาว ภายในต้นเดือนธันวาคมนี้ ให้ทันพิธีฉลอง 1 ปี การเปิดเส้นทางรถไฟจีน-ลาว วันที่ 3 ธันวาคม 2565 ทั้งนี้ ฟรุ้ทบอร์ด ได้มอบหมายฝ่ายเลขาฯ จัดประชุมผู้แทนชาวสวน สหกรณ์ ล้ง สมาคมผลไม้ ผู้ส่งออกและผู้ประกอบการโลจิสติกส์ในเร็วๆนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจในกฎเกณฑ์และข้อกำหนดต่างๆ ในการขนส่งด้วยขบวนรถไฟสายจีน-ลาว

การนำเข้าส่งออกผลไม้ ภายใต้พิธีสารผลไม้ระหว่างไทย-จีน จะต้องมีการตรวจโรคพืช (มาตรการSPS) ที่ด่านนำเข้าส่งออก ดังนั้นแม้ว่าจะมีการส่งออกนำเข้าสินค้าเกษตรอื่นๆ ของไทย ด้วยขบวนรถไฟจีน-ลาว ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีการขนส่งผลไม้ไทยไปจีนด้วยขบวนรถไฟสายนี้จากเวียงจันทน์ไปถึงคุนหมิงโดยตรง เราต้องใช้เวลาเสียเงินกันมากในการขนส่งผลไม้จากเวียงจันทร์ขึ้นรถไฟไปบ่อเตนยกขึ้นรถบรรทุกรอคิวเข้าจีนที่ด่านโมฮ่าน (ด่านรถบรรทุก) เพราะจุดตรวจโรคพืชของด่านรถไฟโมฮ่านยังไม่เปิดบริการ

“จีนเป็นตลาดหลักของทุเรียนไทย ปี 2564 การส่งออกทุเรียนสดไปจีนจำนวน 875,097 ตัน คิดเป็นมูลค่า109,205 ล้านบาท ขยายตัว 68.4% สูงสุดเป็นประวัติการณ์โดยผลไม้ไทยสามารถครองตลาดจีนมีมาร์เก็ตแชร์กว่า 40% อันดับ 2 คือ ชีลี 15% เวียดนาม 6% อยู่อันดับ 3 ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของผลไม้ไทย แม้ต้องเผชิญปัญหามาตรการ Zero Covid ของจีนซึ่งกระทบการขนส่งและการส่งออกเป็นระยะๆ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา แต่รัฐบาลโดยฟรุ้ทบอร์ด กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมทำงานอย่างใกล้ชิดกับเกษตรกรชาวสวน สหกรณ์ผลไม้ สมาคมผลไม้ ผู้ประกอบการล้ง และผู้ส่งออก ในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ทำให้ราคาทุเรียนและผลไม้โดยรวมได้ราคาที่ดีและสามารถเพิ่มการส่งออกสร้างรายได้ให้ประเทศของเรามากขึ้น” นายอลงกรณ์ กล่าวในที่สุด

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 642 ครั้ง

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

แสดง
ซ่อน