มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 654 ครั้ง
โฆษกศาลยุติธรรม แจง “ประสิทธิ์ เจียวก๊ก” หลบหนีขณะขึ้นศาล วงจรปิดจับภาพชัด จนท.ศาลจับไว้ได้ทัน ส่งดำเนินคดีอาญา-ละเมิดอำนาจศาล คุมตัวสอบ 3 ผู้ต้องสงสัย สน.พหลโยธิน–ศาลเพิ่มมาตรการเข้มงวด
วันนี้ (22 ธ.ค.65) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนกรณีนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนชื่อดัง พยายามหลบหนีระหว่างการนัดสอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐานคดีฉ้อโกงประชาชนหลอกให้ร่วมลงทุนซื้อคูปองทอง, ลงทุนซื้อแพ็คเกจท่องเที่ยว, ระบบสหกรณ์ออมทรัพย์ มูลค่าความเสียหายหลายร้อยล้าน ที่ศาลอาญาเมื่อช่วงเช้าวันนี้
โดยนายประสิทธิ์ถูกคุมตัวมาที่ศาลเพื่อนัดสอบคำให้การกรณีหลอกลงทุนสหกรณ์ออมทรัพย์การค้าธุรกิจบริการและผลิตภัณฑ์ผสมผสาน จำกัด ความเสียหาย 1 ล้าน 9 แสนบาท ซึ่งเป็นคดีใหม่ที่ผู้เสียหายเพิ่งฟ้องเมื่อวานนี้ (21 ธ.ค.) จากนั้นเมื่อสอบคำให้การที่ห้องเวรชี้เสร็จ นายประสิทธิ์ก็ขอใช้สิทธิ์ตรวจพยานหลักฐานในคดีเก่า ที่ห้องพิจารณาคดี 903 ซึ่งที่ผ่านมาก็มักจะขอใช้สิทธิ์ตรวจพยานลักษณะนี้มาตลอด เจ้าหน้าที่จึงอนุญาต จากนั้นนายประสิทธิ์ก็แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าปวดท้องถ่ายหนักขอเข้าห้องน้ำ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ 1 คน จึงพาตัวนายประสิทธิ์ไปเข้าห้องน้ำ และยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้าประตู
ระหว่างนั้นมีผู้สมรู้ร่วมคิดของนายประสิทธิ์อยู่ภายในห้องน้ำ และส่งกุญแจไขโซ่ตรวน รวมถึงเสื้อยืดสีน้ำเงิน กางเกงยีนส์ขายาว รองเท้าหุ้มส้น และหนวดปลอมให้กับนายประสิทธิ์ เมื่อนายประสิทธิ์เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็เดินเร็วออกจากห้องน้ำตรงไปยังบันไดกลางของอาคารศาล โชคดีที่มีจำเลยคดีอื่นที่เดินเข้าห้องน้ำเช่นกันสังเกตเห็น จึงตะโกนแจ้งเจ้าหน้าที่ศาลที่อยู่บริเวณดังกล่าวให้เข้าจับกุม โดยเจ้าหน้าที่ไล่จับกุมนายประสิทธิ์ไปจนชั้น 3 ระหว่างนายประสิทธิ์ก็มีความพยายามจะปีนบันไดกระโดดหนีลงมาด้วย จนทำให้ได้รับบาดเจ็บบริเวณขาเล็กน้อย ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีก็สามารถจับกุมตัวนายประสิทธิ์ไว้ได้
เบื้องต้นจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ได้มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย ซึ่งคาดว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของนายประสิทธิ์ จำนวน 3 คน เป็นเลขาของนายประสิทธิ์ และคนใกล้ชิดที่นำกุญแจและเสื้อผ้ามาให้นายประสิทธิ์ ซึ่งตำรวจสน.พหลโยธินอยู่ระหว่างการสอบปากคำ แต่เชื่อว่ามีการวางแผนกันมาเป็นอย่างดี เตรียมอุปกรณ์ปลอมตัวและติดหนวด และยังพบเงิน 1 หมื่นบาทที่ตัวผู้สมรู้ร่วมคิด
ซึ่งจะต้องสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่ากุญแจที่ใช้เป็นการปั๊มกุญแจมาจากกุญแจต้นฉบับหรือไม่ หรือมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ ส่วนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่อ้างว่าเฝ้าอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำทราบว่าทางกรมราชทัณฑ์มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว เพราะไม่พบว่ามีการวิ่งตามจับกุมนายประสิทธิ์
ซึ่งเบื้องต้นนายประสิทธิ์ถือว่าเข้าข่ายความผิดผู้ได้หลบหนีระหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของศาล ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 190 ส่วนผู้สมรู้ร่วมคิดก็จะเข้าข่ายร่วมกันกระทำความผิด ต้องรับโทษเท่ากัน อย่างไรก็ตามทางศาลก็จะดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในข้อหาละเมิดอำนาจศาล ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนด้วย
ขณะที่หลังจากนี้ทางศาลก็จะตรวจสอบและเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้นว่ามีช่องโหว่ตรงไหนให้ผู้ต้องหาหลบหนีหรือไม่ แต่ก็ยอมรับว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในห้องน้ำ รวมถึงการตรวจร่างกายญาติที่จะเข้าห้องพิจารณาคดีก็เป็นเรื่องยาก เพราะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นสิ่งของที่นำมาเพื่อช่วยเหลือนักโทษหลบหนีหรือไม่
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 654 ครั้ง