สำเร็จ! ซอยด๊อกร่วมตำรวจดันชายกินลูกหมาจำคุก ผิดพรบ.สวัสดิภาพสัตว์

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 528 ครั้ง

          มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย (ซอยด๊อก) ร่วมกับสถานีตำรวจเฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช ดำเนินคดีชายชำแหละและบริโภคเนื้อลูกสุนัขต้องโทษจำคุก 3 เดือนตามกฎหมายพรบ.สวัสดิภาพสัตว์

          หน่วยทำหมันเคลื่อนที่ มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ช่วยเหลือลูกสุนัขมีบาดแผลขนาดใหญ่ที่คอ ชาวบ้านในพื้นที่แจ้งว่าเห็นลูกสุนัขวิ่งหนีออกมาจากบ้านและมีบาดแผลสดที่คอเหมือนถูกของมีคมฟัน ซึ่งชายที่พักอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นมักมีพฤติกรรมต้องสงสัยว่าบริโภคสุนัข อย่างไรก็ตามจากประวัติใช้ยาเสพติดและการเดินถือมีดเดินไปมาในละแวกชุมชนเป็นประจำจึงทำให้ไม่มีใครกล้าตรวจสอบชาวบ้านในบริเวณยังมักเห็นชายคนนี้อุ้มลูกสุนัขเข้าบ้านและได้ยินเสียงลูกสุนัขร้องอยู่เสมอ โดยมูลนิธิฯ ได้นำลูกสุนัขทั้งหมด 6 ตัวที่อยู่ในบริเวณบ้านหลังดังกล่าวออกมาจากพื้นที่และนำกลับมาดูแลที่ศูนย์พักพิง จ.ภูเก็ตอย่างปลอดภัย

          จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มูลนิธิฯ ดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติมทันที นายศักดาพล ทองจันทร์ ผู้จัดการฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ ได้ลงพื้นที่บ้านหลังหนึ่งในอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครศรีธรรมราชพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตรวจค้นในบริเวณบ้าน พบซากลูกสุนัขและโครงกระดูกจำนวนมากกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป รวมถึงเนื้อสัตว์บางส่วนอยู่ในหม้อที่ปรุงสุกแล้ว จึงได้เก็บตัวอย่างเนื้อในหม้อส่งทดสอบ DNA และนำตัวอย่างกระดูกกลับมาที่มูลนิธิฯ เพื่อให้สัตวแพทย์พิสูจน์อัตลักษณ์ ในระหว่างนี้ชายผู้ก่อเหตุได้ถูกควบคุมตัวจากเหตุมีพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อชุมชนและยังพบประวัติใช้ยาเสพติดและลักทรัพย์ ทั้งนี้เจ้าตัวปฏิเสธว่าไม่ได้ฆ่าและทำร้ายสุนัขแต่อย่างใด

          ผลการพิสูจน์ DNA จากศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพบว่าเนื้อในหม้อเป็นเนื้อสุนัขและโครงกระดูกตัวอย่างยังได้รับการพิสูจน์โดยสัตวแพทย์ว่าเป็นกระดูกของลูกสุนัขทั้งหมด ซอยด๊อกจึงร่วมกับร้อยตำรวจเอกบุญเจือ แสงสวัสดิ์ รองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเฉลิมพระเกียรติในการดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 มาตรา 20 ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันสมควร และมาตรา 31 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 20 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

          ศาลจังหวัดปากพนังได้พิจารณาตัดสินจำคุกทั้งสิ้น 6 เดือนตามมาตราดังกล่าวและบันทึกประวัติอาชญากรรม เนื่องจากระหว่างการสอบสวน ชายผู้ก่อเหตุยอมสารภาพผิดและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีจึงลดโทษเหลือ 3 เดือน

          นายจอห์น ดัลลีย์ ผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิฯ กล่าวว่าคดีนี้เป็นความสำเร็จของการทำงานเพื่อสวัสดิภาพสัตว์ในประเทศไทยอีกครั้ง “ซอยด๊อกได้ร่วมกับหน่วยงานและมูลนิธิฯ ช่วยเหลือสัตว์ในการผลักดันกฎหมายฉบับนี้ในปี พ.ศ. 2557 ซึ่งตั้งแต่ช่วงเวลานั้นเป็นต้นมา แม้จะมีกฎหมายแล้วแต่ประชาชนทั่วไปก็ยังไม่รับรู้ในวงกว้าง อย่างไรก็ตามซอยด๊อกจะเดินหน้าเพื่อช่วยเหลือและเป็นปากเป็นเสียงแทนสัตว์จรจัดด้อยโอกาสต่อไป การทารุณกรรมสัตว์จะต้องหมดสิ้นไปจากประเทศไทย”

          มูลนิธิฯ ได้แสดงความขอบคุณแก่ร้อยตำรวจเอกบุญเจือ สถานีตำรวจภูธรเฉลิมพระเกียรติและผู้เกี่ยวข้องที่ร่วมมือกันเพื่อให้คดีความนี้ได้รับการตัดสินอย่างเป็นธรรมและรวดเร็ว “นอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและกระบวนการยุติธรรมต่าง  ๆ ที่มูลนิธิฯ ต้องขอบคุณในความร่วมมือ เรายังต้องการให้การทารุณกรรมสัตว์เป็นหน้าที่ของทุกคนที่ช่วยกันสอดส่องดูแล การอ้างว่าไม่รู้กฎหมายไม่สามารถเป็นข้ออ้างในการกระทำผิดได้ และซอยด๊อกยินดีอย่างยิ่งในการสนับสนุนเพื่อให้การทำร้ายสัตว์เหล่านี้สิ้นสุดลง” นายศักดาพล กล่าว

          มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย ได้ปฏิบัติการเพื่อยุติการทารุณกรรมต่อสุนัขและแมวตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 โดยมุ่งมั่นหยุดยั้งการค้าเนื้อสุนัขและแมวในทวีปเอเชียด้วยการร่วมมือของหน่วยงานช่วยเหลือสัตว์และรัฐบาล การค้าเนื้อสุนัขในประเทศไทยได้ยุติลงในปี พ.ศ. 2557 ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับที่มูลนิธิฯ ได้ร่วมผลักกันกฎหมายสวัสดิภาพเป็นฉบับแรกของประเทศไทยขึ้น

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 528 ครั้ง

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

แสดง
ซ่อน