มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 454 ครั้ง
วันนี้ (5 ต.ค.66) พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) มอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานแก่กำลังพลกองทัพเรือ ประจำปีงบประมาณ 2567 ณ ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ ซึ่งกำลังพลที่เข้ารับฟังนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือในวันนี้ประกอบด้วย นายทหารชั้นนายพลเรือ หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือ หัวหน้าหน่วยฝ่ายอำนวยการ / ผู้บังคับหน่วยกำลังรบ รวมถึงนักศึกษาหลักสูตรวิทยาลัยการทัพเรือ และเสนาธิการทหารเรือ ประจำปีงบประมาณ 2567 รวมถึงมีการเผยแพร่ ทาง Facebook Live ในเพจกองทัพเรือ Royal Thai Navy ให้กำลังพลกองทัพเรือ ได้รับทราบโดยทั่วกัน
สำหรับการปฏิบัติภารกิจในภาพรวมของกองทัพเรือในปีงบประมาณ 2567 ยังคงตั้งอยู่บนพื้นฐานของการดำรงจุดมุ่งหมายในการบรรลุเป้าหมาย และวิสัยทัศน์กองทัพเรือ “ในการเป็นหน่วยงานความมั่นคงทางทะเลที่มีบทบาทนำในภูมิภาค และเป็นเลิศในการบริหารจัดการ” โดยจะมีความพร้อมและมีความสามารถสูงเป็นที่เชื่อมั่นและไว้วางใจในการรักษาความมั่นคงความภาคภูมิใจของคนในชาติ เป็นเกียรติและศักดิ์ศรีของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ พึ่งพาตนเองโดยไม่มุ่งเน้นการแข่งขันในการเสริมสร้างยุทธปกรณ์เกินความจำเป็น รวมถึงเป็นองค์กรที่มีขีดสมรรถนะสูง มีการกำกับดูแลองค์กรที่ดีมีมาตรฐานระดับสากล มีความรับผิดชอบต่อสังคม เป็นที่ยอมรับและเชื่อถือในเรื่องความโปร่งใสความซื่อสัตย์สุจริต มีคุณธรรม และการใช้จ่ายงบประมาณจากภาษีของประชาชนเป็นไปอย่างคุ้มค่า
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เน้นย้ำกำลังพลทุกนายให้ศึกษาหน้าที่ ที่ตัวเองรับผิดชอบ โดยทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ภายใต้วลี “I will do my best” โดยส่วนของหัวหน้าหน่วย ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เน้นย้ำในการสร้างความสามัคคี เกิดกำลังพลในหน่วยมีความยุติธรรม และเปิดกว้างในการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ใต้บังคับบัญชา อันจะนำพากองทัพเรือไปสู่วิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้ โดยได้มอบมอตโต้การปฏิบัติงานในปีนี้ ไว้ว่า “เทิดทูนสถาบัน ยึดมั่นระเบียบวินัย ประชาชนภูมิใจ ทะเลไทยมั่นคง” โดยหนทางเพื่อบรรลุตามมอตโต้คือ Fit for the Future
สำหรับนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงาน ของกองทัพเรือ ในปีงบประมาณ 2567 แบ่งออกเป็นสายงานต่าง ๆ จำนวน 5 สายงาน โดยมีประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้
1. งานด้านยุทธการ จะมีการปรับปรุงโครงสร้าง ของหน่วยกำลังรบใหม่ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยลดหน่วยเฉพาะกิจที่ซ้ำซ้อนหรือหมดความจำเป็น รวมถึงการพัฒนาศักยภาพของกองทัพเรือทางฝั่งทะเลอันดามัน การประสานงานร่วมกันระหว่างกองทัพเรือ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรกองทัพเรือให้เป็นรูปธรรม และในส่วนของการฝึกกองทัพเรือ ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมรบและการบูรณาการ ของหน่วยต่าง ๆ ของกองทัพเรือ นั้น จะดำเนินการอย่างจริงจังโดยผู้บัญชาการทหารเรือ จะเข้าร่วมการฝึกด้วย ด้านการวิจัยและพัฒนา จะดำเนินการสนับสนุนการจัดหายุทโธปกรณ์ที่ผลิตขึ้นภายในประเทศ นอกจากนั้นจะนำผลงานโครงการวิจัยและพัฒนาของกองทัพเรือ เข้าสู่สายการผลิต โดยในปีนี้มีผลงานวิจัยที่น่าสนใจ ที่ผู้บัญชาการทหารเรือได้เน้นย้ำให้เร่งดำเนินการเพื่อสามารถใช้งานได้จริงคือโครงการอากาศยานไร้คนขับ MARCUS – B
2. สายงานกำลังพล จะบรรจุกำลังพลตามแผนปฏิรูปกำลังพลกระทรวงกลาโหม ในส่วนของนโยบายด้านการศึกษาจะมีการส่งเสริมนักเรียนที่มีผลการเรียนดี และพัฒนาภาษาอังกฤษให้แก่กำลังพล พร้อมทั้งจัดการดูแลกำลังพล ทั้งโครงการเฝ้าระวังสุขภาพของกำลังพลและครอบครัว Good Home Good Health รวมถึงการพัฒนาด้านสวัสดิการแก่กำลังพลและครอบครัว อาทิ โครงการช่วยลดภาระหนี้สินให้แก่กำลังพล การจัดสรรที่พักอาศัยส่วนกลาง ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เน้นย้ำแก่กำลังพลว่า หากมีการพบเห็นว่ามีกำลังพลนายใดกระทำความผิดโดยเฉพาะการทุจริตผิดกฎหมาย จะถูกลงโทษอย่างจริงจัง และสามารถย้ายออกจากตำแหน่งได้ตลอดเวลา
3. สายงานด้านการข่าว จะจัดการอบรมบุคลากรด้านการข่าวให้กับหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือให้มีความสามารถในการปฏิบัติงานด้านการข่าวตามความต้องการของกองทัพเรือ รวมถึงการปรับปรุงทดลองระบบข่าวราชนาวีอิเล็กทรอนิกส์ให้มีความทันสมัย นอกจากนั้นในส่วนของระบบ network Centric Warfare หรือการปฏิบัติการด้านสงครามที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระยะที่ 3 ซึ่งถือว่าดำเนินการครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เน้นย้ำแก่หน่วยที่เกี่ยวข้องในการซ่อมบำรุงและบริหารจัดการกำลังพลให้ดำเนินการให้เป็นระบบ โดยระบบดังกล่าวถือเป็นผลงานความก้าวหน้าของกองทัพเรือในเวทีอาเซียน
4. สายงานส่งกำลังบำรุง ในส่วนของการซ่อมเรือ จะต้องเป็นไปตามแผนไม่มีการยืดระยะเวลาเข้ารับการซ่อมทำ รวมถึงทุกหน่วยจะต้องตรวจสอบอมภัณฑ์ประจำหน่วย รวมถึงแผนการควบคุมและรายงานให้ทราบในโอกาสแรก นอกจากนั้น ผู้บัญชาการได้มอบนโยบายให้คณะกรรมการที่ดินของกองทัพเรือ พิจารณาส่งมอบที่ดิน ที่กองทัพเรือรับผิดชอบ จำนวน 1 แปลง เพื่องานสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล ที่จะอนุญาตให้ประชาชนมาใช้ประโยชน์ ให้เสร็จสิ้นภายใน 3 เดือน
5. สายงานกิจการพลเรือน ในส่วนของการพิทักษ์รักษาปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ จะดำเนินการในโครงการเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา โครงการเรือพระที่นั่งรัชกาลที่ 10 รวมถึงดำเนินการโครงการพระราชดำริ อย่างต่อเนื่องประกอบด้วย โครงการจิตอาสาพระราชทาน เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ โครงการอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี – กองทัพเรือ
สำหรับงานกิจการพลเรือน ในส่วนของแผนบรรเทาสาธารณภัยและการฝึก ผู้บัญชาการทหารเรือได้สั่งการให้หน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำแผนรองบรรเทาสาธารณภัยศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือให้เสร็จภายใน 3 เดือน พร้อมทั้งให้หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ทำหน้าที่ในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม (USAR) จัดกำลังพลและอุปกรณ์ให้มีความพร้อม รวมถึงให้กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ดำเนินโครงการ และเปิดศูนย์การเรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่โคกหนองนากองทัพเรือ ในพื้นที่ต่าง ๆ
ในช่วงท้าย ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้มีข้อสั่งการกับผู้บังคับหน่วย โดยมีประเด็นที่น่าสนใจในส่วนของกำลังพลกองทัพเรือ ต้องได้รับการดูแลอย่างถ้วนหน้า ยุติธรรม แม้อาจจะได้สิทธิ์ไม่เท่าเทียมกัน แต่ขอให้ได้รับสิทธิ์ที่พึงได้สูงสุด โดยหัวหน้าหน่วยต้องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ทั้งในด้านสิทธิกำลังพลและสิทธิประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ให้หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ กองพันลาดตระเวน กองพลนาวิกโยธิน และกรมสารวัตรทหารเรือ สร้างกำลังพลเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุบัติเหตุ เน้นย้ำให้มีการสอนนักเรียนนายเรือและนักเรียนจ่าทหารเรือ ให้มีความสามารถในการว่ายน้ำทุกระดับช่วยผู้ประสบภัยตกน้ำได้ และห้ามกำลังพลรวมถึงครอบครัวร่วมกันกระทำผิดกฎหมาย อย่างเด็ดขาด
“เทิดทูนสถาบัน ยึดมั่นระเบียบวินัย ประชาชนภูมิใจ ทะเลไทยมั่นคง” Fit for the Future
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 454 ครั้ง