มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 229 ครั้ง
วันนี้ (26 ต.ค.66) คณะกรรมาธิการการแรงงาน วุฒิสภา นำโดย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ประธานคณะกรรมาธิการ พร้อมด้วย พล.อ.พหล สง่าเนตร รองประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ นายจรินทร์ จักกะพาก รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สาม นายณรงค์ รัตนานุกูล เลขานุการคณะกรรมาธิการ นายจิรชัย มูลทองโร่ย โฆษกคณะกรรมาธิการ เข้าเยี่ยม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อการขับเคลื่อนด้านแรงงานให้มีประสิทธิภาพ โดยมี นายไพโรจน์ โชติกเสถียร พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ร่วมให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุม ศ.นิคม จันทรวิทุร ชั้น 5 กระทรวงแรงงาน
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ประธานคณะกรรมาธิการ กล่าววัตถุประสงค์ในการเยี่ยมคารวะและหารือประเด็นด้านแรงงาน และการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการตลอด 4 ปี ที่ผ่านมา และแนวทางการช่วยเหลือแรงงานไทยในประเทศอิสราเอล
หลังจากนั้น นายจิรชัย มูลทองโร่ย โฆษกคณะกรรมาธิการ กล่าวสรุปรายงานพิจารณาศึกษา ของกรรมาธิการจำนวน 13 เรื่อง โดยเป็นรายงานที่เสนอต่อวุฒิสภาแล้วจำนวน 8 เรื่อง และเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 4 เรื่อง และส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างจัดทำเพื่อเสนอต่อวุฒิสภาต่อไป
ในการนี้ คณะกรรมาธิการ ได้ให้ข้อเสนอแนะ ในประเด็นต่าง ๆ เช่น การส่งเสริมการจ้างแรงงานผู้สูงอายุ การบริหารจัดการแรงงานต่าง การกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำการตรวจสุขภาพประจำปีตามหลักการยศาสตร์ การจัดทำประมวลกฎหมายแรงงานจาก 13 ฉบับ 1146 มาตรา ให้เหลือจำนวน 510 มาตรา และการเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคมควรดำเนินการโดยกระชับ เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน
ทั้งนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ชี้แจงในข้อหารือที่กรรมาธิการให้ความเห็นพร้อมทั้งกล่าวถึงสถานการณ์แรงงานไทยในประเทศอิสราเอลว่าได้มีการขับเคลื่อนตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการประสานงานให้แรงงานไทยที่กลับจากประเทศอิสราเอลมีช่องทางการทำงานภายหลังกลับจากประเทศอิสราเอล เช่น การไปทำงานที่ประเทศเกาหลี หรือพื้นที่ที่ขาดแคลนแรงงานในประเทศไทย รวมทั้งยังมีนโยบายขับเคลื่อนให้กระทรวงแรงงานเป็นกระทรวงเศรษฐกิจให้ได้ และประชาสัมพันธ์ให้กระทรวงแรงงานเป็นกระดูกสันหลังของชาติและมีความสำคัญที่สุดของประเทศไทย
ในตอนท้ายของการประชุม พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ได้กล่าวสรุปผลการประชุม โดยขอขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานที่ได้ทำการบริหารกระทรวงเป็นอย่างดีและได้นำรายงานพิจารณาศึกษาต่าง ๆ ของกรรมาธิการไปปรับใช้ในส่วนที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องผู้ใช้แรงงานอีกด้วย
หลังจากนั้นได้เยี่ยมชมการให้บริการของศูนย์ช่วยเหลือแรงงานและติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล กระทรวงแรงงาน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 อาคารกระทรวงแรงงาน โดยศูนย์แห่งนี้มีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกแก่แรงงานไทยที่กลับมาจากสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอลเพื่อยื่นขอรับสิทธิประโยชน์จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 229 ครั้ง