ปชป. ยุค “เฉลิมชัย” เร่งวางยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ-สิ่งแวดล้อม ตั้งเป้าอัพเกรดศักยภาพประเทศใหม่

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 140 ครั้ง

ประชาธิปัตย์ ยุค เฉลิมชัย เร่งวางยุทธศาสตร์เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้าอัพเกรดศักยภาพประเทศใหม่ อลงกรณ์ หวัง ครม.ใหม่เร่งแก้ปัญหา โลกร้อน ท้องหิวอย่าทำประเทศเสียโอกาสซ้ำรอย เศรษฐา 1

เมื่อวันที่ 28 เม.ย.67 นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ภายใต้วิสัยทัศน์ของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มองว่าสิ่งแวดล้อมมีความสำคัญไม่น้อยกว่าด้านเศรษฐกิจจึงมอบนโยบายในระหว่างการประชุมใหญ่พรรคประชาธิปัตย์เมื่อวานนี้ให้ คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ ทำหน้าที่กำหนดทิศทาง และยุทธศาสตร์ของพรรค ให้มีเป้าหมายที่ชัดเจนในด้านต่าง ๆ เช่น เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม …เนื่องจากเศรษฐกิจไทยเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างและระบบเหมือนเครื่องยนต์ตัวเก่า ทำให้ศักยภาพของระบบเศรษฐกิจอ่อนแอและถดถอยลงต่อเนื่องมากว่า 20 ปี ดังจะเห็นได้ว่าในช่วงปี 2543 ถึง 2553 เศรษฐกิจเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 3.5 และลดลงเหลือเพียงร้อยละ 2.7 ระหว่างปี 2554 ถึง 2564 และปีนี้ก็คาดว่าจะเติบโตไม่ถึง 3%

รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวย้ำว่า คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ กำลังเร่งจัดทำยุทธศาสตร์และนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ รวมทั้งตอบโจทย์ที่เป็นปัญหาและความท้าทายใหม่ ๆ ซึ่งรอช้าไม่ได้ต้องเร่งสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ ๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเช่นระบบเศรษฐกิจดิจิตอล (Digital Economy) เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) เศรษฐกิจสูงวัย (Silver Economy) เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) และเศรษฐกิจคาร์บอน (Carbon Economy) รวมทั้งยุทธศาสตร์ AI ปัญญาประดิษฐ์ เป็นต้น

“ระบบเศรษฐกิจใหม่คือเครื่องยนต์แห่งการเติบโต (New Growth Engines) ที่จะยกระดับเพดานรายได้ใหม่ของประเทศและคนไทยให้สูงขึ้น เนื่องจากระบบเศรษฐกิจดั้งเดิมไม่มีพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้อีกต่อไป ในภาวะที่ทั่วโลกกำลังเข้าสู่ยุคโลกเดือดและโลกรวน สภาวะอากาศสุดขั้ว (Extreme Weather) อุณหภูมิที่สูงขึ้น ปรากฎการณ์เอลนิโญและลานีญามาเร็วกว่าที่คิดและร้ายแรงมากขึ้น ทำให้เกิดภัยแล้งภัยร้อนน้ำท่วมขั้นวิกฤติ กระทบต่อรายได้ของเกษตรกร ต้นทุนอาหารของประชาชน ห่วงโซ่การผลิตอาหารและความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) ตลอดจนปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 ทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและการท่องเที่ยว

เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมเหมือน 2 ด้านของเหรียญ เราอยู่ในภาวะโลกร้อนและท้องหิว การรับมือวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจที่เผชิญอยู่ขณะนี้ และในอนาคตเป็นเรื่องเร่งด่วนและต้องทำทันทีอย่างจริงจังต่อเนื่อง หวังว่า ครม.ใหม่ จะเร่งแก้ปัญหา โลกร้อน ท้องหิว อย่างจริงจัง อย่าทำประเทศเสียโอกาสซ้ำรอย เศรษฐา 1 เพราะที่ผ่านมารัฐบาลแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมในระดับเชิงโครงสร้างและระบบน้อยมาก” นายอลงกรณ์ กล่าวในที่สุด

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 140 ครั้ง

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

แสดง
ซ่อน