“ในหลวง-พระราชินี” ทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดอาคารที่ทำการสำนักงานศาลยุติธรรม

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 102 ครั้ง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดอาคารที่ทำการสำนักงานศาลยุติธรรมแห่งใหม่ บนถนนรัชดาภิเษก

เมื่อเวลา 15.33 น. วันที่ 21 ก.ย.67 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดอาคารที่ทำการสำนักงานศาลยุติธรรม เลขที่ 55 ถนนรัชดาภิเษก แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร

โดย นางอโนชา ชีวิตโสภณ ประธานศาลฎีกา นายธานี สิงหนาท เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม พร้อมด้วยข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมชั้นผู้ใหญ่ และข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมประจำสำนักงานศาลยุติธรรม เฝ้า ฯ รับเสด็จ

เมื่อเสด็จเข้าพลับพลาพิธี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชา พระพุทธยุติธรรมโลกนาถ เสร็จแล้วทรงประทับพระราชอาสน์ ทรงศีล

ในการนี้ นายภพ เอครพานิช และ นายเผ่าพันธ์ ชอบน้ำตาล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายหนังสือที่ระลึกแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี

จากนั้น นางอโนชา ชีวิตโสภณ ประธานศาลฎีกา กราบบังคมทูลรายงาน พร้อมขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญเสด็จ ฯ ทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดอาคารที่ทำการสำนักงานศาลยุติธรรม

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกจากพลับพลาพิธี ไปยังมณฑลพิธีวางศิลาฤกษ์ ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมแผ่นอิฐ ทอง นาก เงิน แผ่นศิลาฤกษ์แล้วทรงวางลงในหลุม เสด็จ ฯ ไปยังแท่นพิธีทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้ายอาคารที่ทำการสำนักงานศาลยุติธรรม

ครั้นเสร็จสิ้นพิธี นายธานี สิงหนาท เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กราบบังคมทูลเบิกข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมและผู้มีอุปการคุณ จำนวน 120 ราย เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับพระราชทานเข็มที่ระลึก จากนั้น นายไกรสร โสมจันทร์ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ประจำสำนักประธานศาลฎีกา เข้าเฝ้า ฯ ทูลเกล้า ฯ ถวายแผ่นศิลาเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และทรงลงพระนามาภิไธย

เสร็จแล้วทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์ เสด็จออกจากพลับพลาพิธี เข้าห้องประทับรับรองอาคารที่ทำการสำนักงานศาลยุติธรรม ชั้น 12 ทรงลงพระปรมาภิไธย และทรงลงพระนามาภิไธยในสมุดที่ระลึก แล้วทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์ร่วมกับสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมชั้นผู้ใหญ่ และข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมประจำสำนักงานศาลยุติธรรม เมื่อเสร็จสิ้นทรงประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จ ฯ ออกจากอาคารที่ทำการสำนักงานศาลยุติธรรม กลับพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต

สำหรับ สำนักงานศาลยุติธรรม เป็นส่วนราชการที่เป็นหน่วยงานอิสระ มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับงานธุรการของศาลยุติธรรม โดยเมื่อศาลได้แยกออกจากกระทรวงยุติธรรมตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 แล้ว พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 มีผลบังคับใช้ จึงได้ก่อตั้งสำนักงานศาลยุติธรรมและเริ่มปฏิบัติภารกิจนับตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค. 2543 เป็นต้นมา โดยภารกิจสำคัญรับผิดชอบงานด้านธุรการของศาลยุติธรรม รวมทั้งการส่งเสริมงานตุลาการและงานวิชาการเพื่อเสริมสร้างให้การพิจารณาพิพากษาคดีของศาลยุติธรรมทั่วประเทศเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว เท่าเทียม เป็นธรรม และมีประสิทธิภาพ ซึ่งแต่เดิมสำนักงานศาลยุติธรรมได้ใช้อาคารร่วมกับอาคารที่ทำการศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก แขวงจอมพล เขตจุตจักร กรุงเทพมหานคร กระทั่งวันที่ 11 ม.ค. 2567 สำนักงานศาลยุติธรรมได้ย้ายที่ทำการมายังอาคารสร้างใหม่ ขนาดใหญ่พิเศษ สูง 26 ชั้น เลขที่ 55 ถนนรัชดาภิเษก มีหน่วยงานสังกัดสำนักงานศาลยุติธรรมเข้าปฏิบัติงานในพื้นที่จำนวน 20 สำนัก/กอง

โดยอาคารที่สร้างใหม่ มีความกว้างขวาง สง่างาม ผสมผสานองค์ประกอบภูมิสถาปัตยกรรม ที่ทันสมัยแสดงถึงการดำรงอยู่ขององค์กรตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน ทั้งนำรูปแบบของ ดอกบัวไทย ที่สื่อถึงความบริสุทธิ์ มาประยุกต์ใช้ในแกนของอาคารเพื่อแสดงออกถึงการคุ้มครองความบริสุทธิ์ยุติธรรมอันเป็นภารกิจสำคัญของศาลยุติธรรม ขณะที่ด้านหน้าอาคารมีแนวเสาขนาดใหญ่ประดับเรียงกันเหมือนอาคารศาลทั่วไปอันเป็นรูปแบบการเชื่อมโยงกับอาคารศาลหลังอื่น ๆ ที่ล้อมรอบบริเวณข้างเคียงกัน และตรงจุดเชื่อมการสัญจรชั้นล่างกับชั้น 1 ยังได้ออกแบบผนังประดับป้ายชื่ออาคารซึ่งเป็นลักษณะอาคารในยุคสมัยรัชกาลที่ 5 โดยพื้นที่ภายในอาคารชั้น 1 มีส่วนที่เป็นลานกว้างเพื่อรองรับผู้ที่มาติดต่อราชการและใช้สอยอาคาร ขณะที่ความทันสมัยในการออกแบบยังคำนึงถึงการประหยัดพลังงาน เลือกใช้วัสดุที่มีคุณสมบัติแข็งแรงทนทานมีอายุการใช้งานยาวนาน สามารถหาทดแทนได้ในอนาคตด้วย

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 102 ครั้ง

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

แสดง
ซ่อน