มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 118 ครั้ง
ทรู ผนึก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ห่วงใยคนไทย เร่งมาตรการป้องกัน “ยุทธการปราบซิมผี ล่าบัญชีม้า” ตัดวงจรแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ หยุด! อาชญากรรมทางเทคโนโลยี
ทรู คอร์ปอเรชั่น ผนึกกำลัง ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ร่วมกันป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ใน “ยุทธการปราบซิมผี ล่าบัญชีม้า” โดยระดมกวาดล้างจับกุมผู้กระทำผิดในคดีเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และการกระทำผิดเกี่ยวกับซิมผี บัญชีม้า โดยทรู คอร์ปอเรชั่น ห่วงใยและพร้อมปกป้องคนไทยจากปัญหาเหล่านี้ ซึ่งได้ดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อช่วยลดความเดือนร้อนของประชาชน อาทิ ปิดเสาสัญญาณทั้งหมดตามแนวชายแดนไทย-ลาว และ กัมพูชา นำเทคโนโลยี AI และ Data Analytic ประมวลข้อมูลการลงทะเบียนซิมที่มีความเสี่ยงจะนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง รวมถึงมาตรการที่เข้มงวดให้คู่ค้าต้องลงทะเบียนซิมทันทีทุกการขาย เป็นต้น
นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ทรูตระหนักถึงความสำคัญของอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่มาจากทั้งแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ หรือเว็บไซต์พนันออนไลน์ นำมาซึ่งการถูกหลอกลวงของผู้คนมากมาย สร้างความสูญเสียทั้งทรัพย์สินและบางรายอาจถึงชีวิต เราพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อช่วยปกป้องคนไทยจากมิจฉาชีพออนไลน์ โดยเฉพาะ “ยุทธการปราบซิมผี ล่าบัญชีม้า” นี้ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ระดมกวาดล้างและปราบปรามกลุ่มมิจฉาชีพทางเทคโนโลยีที่หลอกลวงประชาชนในทุกมิติ ทั้งตัดเส้นทางการเงิน ปิดกั้นโซเชียลมีเดียหลอกลวง และเว็บพนันออนไลน์ อันนำไปสู่การกระทำผิดกฎหมายของเหล่ามิจฉาชีพ ส่งผลกระทบต่อประชาชนชาวไทย ระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ
นอกจากนี้ ทรู ยังมุ่งดำเนินการอย่างจริงจัง ทั้งการทำธุรกรรมออนไลน์ผ่านทรูมันนี่ ระบบจะตรวจสอบและยืนยันตัวตนก่อนทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของลูกค้าในการใช้งาน รวมถึงได้ยกระดับแนวทางและมาตรการต่าง ๆ ดังนี้
1. ปิดเสาสัญญาณทั้งหมดตามแนวชายแดนไทย-ลาว และ กัมพูชา เพื่อป้องกันมิให้มีการนำสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปใช้เป็นเครื่องมือสนับสนุนการก่ออาชญากรรม ซึ่งเป็นการปฎิบัติตามแนวทางกสทช.
2. นำ AI และ Data Analytic ประมวลข้อมูลการลงทะเบียนซิมที่มีความเสี่ยงจะนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง เพื่อคัดกรองและหยุดกระจายซิมที่มีความเสี่ยงทันที ส่งผลให้จะลดจำนวนซิมที่อาจถูกนำไปใช้ในทางผิดกฎหมายได้ถึง 500,000 ซิมต่อปี
3. เข้มงวดให้คู่ค้าต้องลงทะเบียนซิมทันที ทุกการขาย เพื่อป้องกันการแอบอ้างชื่อนำซิมไปใช้งานในทางที่ผิดและเพื่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าทั้งทรูและดีแทค
4. วางมาตรการเข้มงวดรัดกุมเพื่อให้คู่ค้าปฎิบัติตาม หากคู่ค้าไม่ปฎิบัติตามข้อกำหนด จะเริ่มจากตักเตือน ลดค่าตอบแทนการขาย และยกเลิกการเป็นคู่ค้าในที่สุด
5. สนับสนุนการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้เบาะแสเพื่อปิดตู้ซิมที่ช่วยเหลือคนร้ายในการลงทะเบียนซิมอันนำไปสู่การกระทำผิดกฏหมายของเหล่ามิจฉาชีพ
6. ติดต่อแจ้งเบาะแสตำรวจทันทีกับที่พบว่า กลุ่มบุคคลที่อาจเป็นมิจฉาชีพเข้ามาขอซื้อซิมกับร้านค้าภายในห้างสรรพสินค้า เพื่อให้ดำเนินการต่อได้ทันท่วงที
7. หากพบพื้นที่หรือสถานที่ใด มีหมายเลขที่มีการโทรผิดปกติจากหมายเลขเดียว เช่น ในคอนโด ที่อาจเป็น Sim Box จะรีบแจ้งเบาะแสตำรวจ
8. หากตรวจสอบหรือได้รับแจ้งหมายเลขต้องสงสัยทั้ง ทรูมูฟ เอช และ ดีแทค ที่มีการใช้งานโทรออกมากผิดปกติ จะส่ง SMS ไปยังหมายเลขดังกล่าวพร้อมระงับการใช้เบอร์ต้องสงสัยทันที เพื่อให้ติดต่อกลับยืนยันตัวตนว่าเป็นผู้ใช้งานจริงและดูแลไม่ให้ได้รับผลกระทบในการใช้บริการ
9. ออกเบอร์โทรพิเศษ “โทร 9777” ให้โทรแจ้งเบอร์สงสัยเป็นมิจฉาชีพ หรือ SMS หลอกลวงเพื่อประสานงานตรวจสอบกับกสทช. และศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (PCT) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
10. หากยืนยันเป็นเบอร์ที่สงสัยเป็นมิจฉาชีพ จะส่งข้อมูลให้แอปพลิเคชันระบุตัวตนสายเรียกเข้าที่ไม่รู้จัก Whoscall ช่วยเพิ่มในระบบแจ้งเตือน
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 118 ครั้ง