มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 196 ครั้ง
ตามที่ สื่อมวลชนเผยแพร่ข่าว การเข้าร้องเรียนของญาติผู้ต้องขังรายหนึ่งของเรือนจำกลางระยองเสียชีวิต ซึ่งเป็นนักกีฬามวยไทย โดยต้องการทราบสาเหตุที่แท้จริงของการเสียชีวิตดังกล่าวว่า เกิดจาการแข่งขันชกมวย หรือ การถูกทำร้ายร่างกาย นั้น
กรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานจากเรือนจำกลางระยองว่า ได้ทำการแข่งขันมวยไทยในฝ่ายควบคุมแดน 7 เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2567 โดยเรือนจำฯ มีกระบวนการรับสมัคร โดยความสมัครใจของนักกีฬา มีผู้ต้องขังเข้าร่วมรับชมประมาณ 200 คน อยู่ในการควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่ ก่อนการแข่งขันมีตรวจร่างกายตามมาตรฐานการชกมวยทุกขั้นตอน โดยทุกคนค่าสัญญาณชีพเป็นปกติ ไม่มีอาการเจ็บป่วย
ทั้งนี้ หลังจากการแข่งขัน ในยกที่ 2 ผู้ต้องขังรายดังกล่าว ถูกกรรมการผู้ตัดสินยุติการชกเนื่องจากสู้ไม่ได้ จึงได้พามาจุดพักนักมวย เพื่อดูอาการและวัดค่าสัญญาญชีพ ซึ่งระหว่างนั่งพัก ผู้ต้องขังรายดังกล่าวมีอาการปวดศีรษะ อาเจียน จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตามลำดับ ซึ่งพัศดีเวรได้สั่งการให้นำตัวส่งไปยังสถานพยาบาลเรือนจำฯ และเวรพยาบาลเรือนจำฯ ได้ประสานกับแพทย์โรงพยาบาลบ้านค่าย ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแม่ข่าย มีความเห็นให้ส่งตัวผู้ต้องขังรายดังกล่าวออกไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลบ้านค่าย
ซึ่งทางโรงพยาบาลฯ ได้ทำการตรวจและมีความเห็นให้ส่งต่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลระยอง และแพทย์ของโรงพยาบาลระยองได้รับตัวผู้ต้องขังรายดังกล่าวไว้รักษาตัว เนื่องจากมีอาการเลือดออกในสมองฉับพลัน และเรือนจำฯ ได้ให้พยาบาลติดต่อญาติ เพื่ออธิบายอาการเจ็บป่วยและแนวทางการรักษา รวมทั้งให้ญาติเข้าเยี่ยมดูอาการผู้ต้องขังรายดังกล่าวเนื่องจากมีอาการขั้นวิกฤต
โดยเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 เรือนจำกลางระยอง โดยผู้บัญชาการเรือนจำกลางระยอง ได้เชิญญาติของผู้ต้องขังรายดังกล่าวไปดูการบันทึกภาพการแข่งขันชกมวยเรียบร้อยแล้ว และได้นำญาติเข้าไปในเรือนจำเพื่อพบผู้ต้องขังซึ่งเป็นเพื่อนและเป็นพี่เลี้ยงนักกีฬาของผู้ต้องขังรายนี้ ทั้งสองคนได้ยืนยันว่าไม่มีใครทำร้ายร่างกายผู้ต้องขังรายดังกล่าวแต่อย่างใด และวันที่ 7 ธันวาคม 2567 เวลา 14.57 น. ได้รับแจ้งจากเวรควบคุมผู้ต้องขังป่วยโรงพยาบาลระยองว่า ผู้ต้องขังรายดังกล่าว ได้เสียชีวิตลง ทางเรือนจำฯ ได้ประสานงานกับพนักงานสอบสวนในการชันสูตรพลิกศพ ในวันที่ 9 ธันวาคม 2567 เวลา 14.00 น.
เรือนจำกลางระยอง ได้ให้ความช่วยเหลือและเป็นเจ้าภาพจัดการงานศพ และขอแสดงความเสียใจกับการสูญเสียในครั้งนี้ เพื่อให้ความจริงเป็นที่ยุติ เรือนจำฯ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเชิญเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองจังหวัด และนิติกรสำนักงานยุติธรรมจังหวัด ซึ่งเป็นหน่วยงานภายนอก ร่วมเป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กำหนดแล้วเสร็จและรายงานผลภายใน 15 วัน
ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ จะได้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกชั้นหนึ่ง พร้อมทั้งหามาตรการการป้องกันที่ดีที่สุดต่อไป โดยกรมราชทัณฑ์ ส่งเสริมให้กีฬาชกมวยเป็นการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังด้านหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็น Soft Power ที่จะสามารถนำไปต่อยอด สร้างงาน สร้างอาชีพภายหลังพ้นโทษได้อีกด้วย
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 196 ครั้ง