มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 352 ครั้ง
วันนี้ (7 ก.พ.68) เวลา 09.00 น. ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน พร้อมด้วย พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผบช.ปส., นายศิริสุข ยืนหาญ รองเลขาฯ ปปส. และ พล.ท.กาจน์ กอรี รอง ผบ.นบ.ยส.35 ร่วมแถลงผลการปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด ตามนโยบาย “Seal Stop Safe” ยึดยาบ้ากว่า 37 ล้านเม็ด ไอซ์ 434 กก.โดยสามารถจับกุมได้ 9 คดี ใหญ่ทั่วประเทศดังนี้

คดีที่ 1 ภาคเหนือ บก.ปส.3 พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3 สั่งการให้ กก.2 บก.ปส.3 เฝ้าระวังพื้นที่แนวชายแดนพบความเคลื่อนไหวกลุ่มเครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์ ที่บ้านห้วยนกกก ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ จึงได้เฝ้าสังเกตการณ์ตามเส้นทางและวางกำลังโดยรอบ พบรถยนต์กระบะท้ายบรรทุกกระสอบปุ๋ยสีฟ้าทรงเหลี่ยม มีน้ำหนักเกินกว่าที่จะเป็นสินค้าเกษตร ขับออกจากหมู่บ้านมุ่งหน้าไป อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ จึงได้ตั้งจุดสกัดที่ สถานีตำรวจชุมชน ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง และเรียกให้หยุด แต่รถคันดังกล่าวได้เร่งความเร็ว และขับพุ่งชนรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าแสดงตัวเพื่อตรวจค้น พบยาบ้า จำนวน 15,600,000 เม็ด อยู่บริเวณหลังกระบะจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 1 คน พร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมาย
คดีที่ 2 ภาคเหนือตอนล่าง บก.สกส. พล.ต.ต.วิทัศน์ บริรักษ์ ผบก.สกส. สั่งการให้ กก.1 บก.สกส. เฝ้าระวังพื้นที่ตามแนวชายแดนภาคเหนือตอนล่าง ได้รับแจ้งจากสายลับ ว่ามีกลุ่มชนเผ่าในพื้นที่ ต.คีรีราษฎร์ อ.พบพระ จ.ตาก ใช้รถยนต์กระบะเสริมข้าง จำนวน 3 คัน ออกจากพื้นที่ อ.พบพระ จ.ตาก ใช้เส้นทางจาก อ.แม่สอด จ.ตาก มุ่งหน้า จ.กำแพงเพชร-นครสวรรค์ จึงจัดชุดสะกดรอยติดตาม จนพบรถยนต์ทั้ง 3 คัน มุ่งหน้าไปทาง จ.นครสวรรค์ ขับนำ/ตามห่างกันประมาณ 5-10 กม. จึงแบ่งกำลังกันสะกดรอยติดตาม จนกระทั่งเวลาประมาณ 17.30 น. รถยนต์คันหนึ่งได้เลี้ยวเข้าไปจอดที่สถานบริการน้ำมันบางจาก (กม.149 นครสวรรค์ – ชัยนาท ขาเข้า) ถนนสายเอเชีย ต.ท่าฉนวน อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท จึงเข้าแสดงตัวเข้าตรวจคันและจับกุมนายธันยา คนขับ และพบยาบ้า 12,000,000 เม็ด มูลค่าประมาณ 1,625,000 บาท ของกลางอำพรางโดยใช้กะหล่ำปลีปิดบังเต็มกระบะ และจับกุม นายเกษม คนขับรถนำ ส่วนรถยนต์อีกคันสามารถหลบหนีการจับกุมไปได้ จึงได้จับกุมผู้ต้องหา 2 คน พร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมาย
คดีมี่ 3 ภาคอีสาน บก.สกส. พล.ต.ต.วิทัศน์ บริรักษ์ ผบก.สกส.บก.สกส. สั่งชุดสืบสวนติดตามพฤติกรรม นายธวัชชัย เป้าหมายลักลอบขนยาเสพติด พบรถยนต์ต้องสงสัย ขับไปยังพื้นที่เสี่ยงแนวชายแดนภาคอีสาน โดยใช้เส้นทางจาก จ.นครพนม มุ่งหน้า จ.สกลนคร ผ่าน อ.ธาตุพนม, อ.เรณูนคร, อ.นาแก จ.นครพนม เข้าพื้นที่ จ.สกลนคร จึงได้ทำการสะกดรอยติดตามจนกระทั่งเวลา 00.20 น. (ของวันที่ 30 ม.ค.68) ได้สกัดจับรถยนต์คันดังกล่าวได้ที่ ถ.ศรีพนม ต.สว่างแดนดิน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร มี นายธวัชชัย เป็นคนขับ และ นายวันชัย นั่งมาด้วย ผลการตรวจค้นพบ ยาบ้า 4,000,000 เม็ด อยู่ภายในรถ มูลค่าประมาณ 660,000 บาท จึงได้จับกุมผู้ต้องหา 2 คน พร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมาย
คดีที่ 4 บก.ปส.4 พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี รรท.ผบก.ปส.4 เมื่อวันที่ 30 ม.ค.68 กก.3 บก.ปส.4 สืบสวนกลุ่มเครือข่าย นายวีระพงค์ พบความเคลื่อนไหวรถยนต์บุคคลในเครือข่าย 2 คัน ออกเดินทางลงใต้จึงจัดชุดสะกดรอยติดตาม พบว่า นายวีระพงศ์ เป็นผู้ขับรถซุกซ่อนยาเสพติด นายอวยชัย ทำหน้าที่ขับรถนำตรวจการตั้งด่าน กลุ่มของ นายวีระพงค์ ไหวตัวทัน ขับรถหลบหนี นำยาบ้าไปซ่อนไว้ที่พงหญ้าข้างทางพื้นที่ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร แล้วแยกย้ายกันหลบซ่อนรออยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง จึงได้ไล่ล่าติดตามจับกุมตัว นายอวยชัย คนขับรถนำได้ที่ร้านอาหารคุณสาหร่าย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร และ นายวีระพงค์ คนขับรถขนยาได้ที่ริมถนนพื้นที่ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร จึงได้พาไปนำชี้จุดซุกซ่อนยาเสพติด พบยาบ้า 900,000 เม็ด มูลค่าประมาณ 1,500,000 บาท จึงได้จับกุมผู้ต้องหา 2 คน พร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมาย
คดีที่ 5 บก.สส. พล.ต.ต.วิทัศน์ บริรักษ์ ผบก.สกอ.บก.สกส. ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีกลุ่มผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากภาคกลางไปส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคใต้ โดยใช้รถยนต์ 2 คัน จึงจัดกำลังสะกดรอยติดตาม พบว่ารถยนต์ดังกล่าวกำลังจะเข้าพื้นที่ จ.ชุมพร ตรงตามที่สายลับแจ้ง จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจยานพาหนะชุมพร กก.2 บก.ปส.4 ม.2 ต.องค์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ตรวจสอบรถยนต์ทั้งสองคัน รถยนต์ทะเบียน บต 6131 นราธิวาส มี นายอาพีชัน เป็นผู้ขับขี่ และ นายอาฟานร์ นั่งข้างคนขับ ตรวจไม่พบยาเสพติด แต่รถยนต์ ทะเบียน 3ฒว 6203 กรุงเทพมหานคร พยายามขับหลบหนีและตกลงข้างทาง ก่อนถึงด่านตรวจยานพาหนะชุมพร ประมาณ 100 เมตร มี นายอุไบดีละห์ อุมา เป็นคนขัน นายมูฮัมมัดไฟซูล เจ๊ะเต๊ะ นั่งข้างคนขับ พยายามวิ่งหลบหนี จึงได้จับกุมตัว ตรวจค้นรถพบ ไอซ์ 234 กก. มูลค่าประมาณ 1,460,000 บาท ซุกซ่อนอยู่ในท้ายรถกระบะ โดยปกปิดด้วยเฟอร์นิเจอร์ และถังน้ำขนาดใหญ่ และขยายผลจับกุม นายนายมะดารี คนส่งยาให้กับกลุ่มผู้ต้องหา ได้ที่บ้านเลขที่ 138 ซ.หัวหมาก 6 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คน พร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนบช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมาย
คดีที่ 6 พล.ต.ต.วิทัศน์ บริรักษ์ ผบก.สกส. รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีกลุ่มบุคคลเดินทางมาเช่าบ้านอยู่ในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย และรับจ้างลักลอบส่งพัสดุไปรษณีย์ยาเสพติด จากพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ ให้แก่ลูกค้าทางพื้นที่ภาคใต้ พบรถยนต์ต้องสงสัยตามที่สายลับแจ้ง จอดอยู่ที่ลานจอดรถโรงแรมนางนอนฮิลฮัก ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย จึงได้เฝ้าสะกดรอยสังเกตกาณ์พบ นายนนทภู เป็นคนขับ ตรวจค้นห้องพักหมายเลข 105 โรงแรมนางนอนอิลฮัก พบยาบ้า 297,934 เม็ด มูลค่าประมาณ 820,000 บาท ซุกซ่อนในตู้เสื้อผ้า และแพ็คบรรจุใส่กล่องกระดาษเตรียมส่งพัสดุ จึงได้จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมาย
คดีที่ 7 บก.สกส. เฝ้าติดตามกลุ่ม นายอภินัน มีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติด ต้นทาง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ใช้เส้นทางผ่าน อ.พาน จ.เชียงราย, อ.สอง, เด่นชัย จ.แพร่, อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์, อ.วัดโบสถ์, อ.วังทอง จ.พิษณุโลก, อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร, อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ มุ่งหน้าพื้นที่ จ.สมุทรปราการ จึงได้จัดชุดสะกดรอยติดตาม จนกระทั่งเวลาประมาณ 17.30 น. รถยนต์หมายเลขทะเบียน 1ฒช 904 กรุงเทพมหานคร ต้องสงสัย ได้เข้าไปจอดภายในปั๊ม ปตท. อินทร์บุรี กม.104 จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น มี นายรัฐพันธ์ เป็นคนขับ นำรถยนต์ไปเอกซเรย์ ที่ด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ พบไอซ์ 200 กก. มูลค่าประมาณ 3,200,000 บาท ซุกซ่อนอยู่ในช่องลับใต้หลังคา และติดตามจับกุม นายอภินัน คนขับรถนำได้ที่ปั้มน้ำมันเชลล์ กม.32 เลขที่ 51 หมู่ที่ 4 ต.ท่าตอ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา จึงได้จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมาย
คดีที่ 8 บก.ปส.3 พล.ต.ต.อติด เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3 วันที่ 23 ม.ค.68 กก.3 บก.ปส.3 สืบสวนทราบว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนภาคเหนือเข้าสู่พื้นที่ตอนใน พบความเคลื่อนไหวรถยนต์ของกลุ่มเครือข่าย 2 คัน ขับตามกันมา ลงมาจากจังหวัด เชียงราย – ลำพูน – ลำปาง – สุโขทัย จึงได้ประสานหน่วยร่วม ตั้งจุดสกัดบริเวณศูนย์จราจรบ้านกร่าง ม.2 ต.บ้านกร่าง อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย และเข้าตรวจค้น พบยาบ้า จำนวน 2,544,000 เม็ด วางบริเวณท้ายกระบะท้ายรถบรรทุก จับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมาย
คดีที่ 9 พล.ต.ต.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร รรท.ผบก.ปส.2 ได้รับแจ้งจากสายลับว่า นายวรมันต์ หรือ ท้อปส์ และ นายดัสกร หรือ มอส มีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ตามแนวชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสานตอนบน) ไปส่งให้กับผู้ค้าในเขตพื้นที่ภาคอีสานตอนใน จึงได้จัดกำลังสะกดรอยติดตาม พบรถยนต์ทั้ง 2 คัน ขับขี่เป็นรูปขบวน ห่างกันประมาณ 5 กม. บนถนนมุกดาหาร – กาฬสินธุ์ (หมายเลข 12) บริเวณ ต.กุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กุฉินารายณ์ ตั้งด่านตรวจบริเวณแยกไฟแดงวันครู ต.บัวขาว อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ แต่รถยนต์ทั้งสองคันได้ขับหลบหนี จึงได้ไล่ล่าสกัดจับรถยนต์ ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแม็กซ์ สีขาว 9กณ-2033 กทม. ได้ที่บริเวณริมถนนกุฉินารายณ์ – โพนทอง (หมายเลข 2046) ต.สมสะอาด อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ พบ นายวรมันต์ เป็นคนขับ ตรวจค้นพบยาบ้า 5 กระสอบ ประมาณ 1,994,000 เม็ด วางอยู่บริเวณห้องโดยสารด้านหลังภายในรถยนต์ดังกล่าว และสามารถสกัดจับรถยนต์ ยี่ห้อซูซูกิ รุ่น CIAZ สีดำ ทะเบียน กน-2810 กาฬสินธุ์ มี นายดัสกร เป็นคนขับ ทำหน้าที่นำทาง ได้ที่บริเวณสามแยกไฟแดงจราจรห้วยผึ้ง ต.ห้วยผึ้ง อ.ห้วยผึ้ง จ.กาฬสินธุ์ จึงได้จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.2 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และนำตัว นายดัสกร หรือ “มอส” อายุ 17 ปีเศษ (เป็นเยาวชน) ส่งพนักงานสอบสวน สภ.กุฉินารายณ์ ภ.จว.กาฬสินธุ์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
โดยทุกคดีที่กล่าวมาข้างต้น บช.ปส. ได้สั่งการให้ทำการสืบสวนขยายผลติดตามผู้ต้องหาที่หลบหนี ผู้ร่วมขบวนการ มาดำเนินคดีตามกฎหมาย และสืบสวนติดตามยึดทรัพย์ทุกคดี และสรุปผลการปฏิบัติห้วง 20 ม.ค.68 – 4 ก.พ.68
บช.ปส. จับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ 9 คดี ผู้ต้องหา 23 คน ยึดยาบ้า 37,235,934 เม็ด, ไอซ์ 434 กก. และ รถยนต์ 16 คัน
นอกจากนี้ บช.ปส. ได้ประสานการปฏิบัติร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง ในการ SEAL STOP SAFE อย่างเต็ม สังความสามารถ ซึ่งมีการทำงานในหลายมิติ หลากหลายบทบาทหน้าที่ ทั้งการลาดตระเวน จับกุมตามแนวชายแดน การเฝ้าระวังสังเกตการณ์ สะกดรอยติดตาม ขยายผลให้ถึงกลุ่มเครือข่ายที่อยู่พื้นที่ชั้นใน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย (ด่านตรวจยานพาหนะ X-RAYS) เข้ามาช่วยในการทำงาน เพื่อหยุดยั้ง สกัดกั้น ปราบปราม ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด อย่างเด็ดขาด ครบวงจร ตัดต้นตอการผลิตและจำหน่าย ยึดทรัพย์ผู้ค้ารายสำคัญ ให้สิ้นซากเพื่อความผาสุขของประชาชน
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 352 ครั้ง