ตร.ภ.1 จับมือ ภ.9-กองปราบ ไล่ล่าจับโจรชิงทอง 138 บาท หาดใหญ่ รวบตัวคาสายใต้ใหม่

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 178 ครั้ง

วันนี้ (10 เม.ย.68) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) พล.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1, พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9, พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., บก.สส.ภ.9, บก.สส.ภ.1, ฝ่ายสืบสวน ภ.จว.นนทบุรี, ฝ่ายสืบสวน ภ.จว.สงขลา, ฝ่ายสืบสวน กก.6 บก.ป., ฝ่ายสืบสวน สภ.ปากเกร็ด และ ฝ่ายสืบสวน สภ.หาดใหญ่ ร่วมแถลงจับกุม นายอาหวู่พะ สินเกา หรือ นายอนุชา แซ่โหยว หรือ นายลี บุน ลง อายุ 62 ปี สัญชาติมาเลเซีย

ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 เม.ย.68 เวลาประมาณ 11.52 น. มีคนร้ายจำนวน 1 คน เข้าไปก่อเหตุชิงทรัพย์ ที่ห้างทองไทยอุดม 2 โดยคนร้ายแต่งกายใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีฟ้า-น้ำเงินเข้ม กางเกงขายาวสีเทา สวมหมวกแก๊ปสีน้ำเงิน รองเท้าผ้าใบสีขาว-ฟ้า-ชมพู เข้าไปภายในร้าน แล้วพูดว่า “อย่าส่งเสียงดัง” พร้อมกับเปิดชายเสื้อแสดงให้เห็นอาวุธปืน จากนั้นจึงได้ทำการเข้าไปชิงเอาสร้อยคอทองคำและสร้อยข้อมือทองคำที่อยู่ภายในร้านไป จำนวน 69 เส้น น้ำหนัก รวม 138 บาท มูลค่าประมาณ 6.9 ล้านบาท แล้วได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป

ต่อมาวันรุ่งขึ้น (9 เม.ย.68) เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนทราบว่าคนร้ายหลบหนีมายังพื้นที่กรุงเทพมหานคร จึงได้บูรณาการการทำงานจนสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาพร้อมด้วยทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ถูกชิงทรัพย์ไปได้บริเวณสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.อ.ธนายุตม์ กล่าวว่า “ผู้ต้องหาเป็นคน 2 สัญชาติ คือ ไทย และ มาเลเซีย ก่อเหตุอาชญากรรมทั้งฝั่งไทยและมาเลเซีย ตั้งแต่อายุ 16 ทั้งปล้นทรัพย์และฆ่าคนตาย เคยถูกจับกุมมาหลายข้อหา และทราบว่ามีการเปลี่ยนชื่อสกุลหลายครั้ง กำลังให้ทางฝ่ายปกครองตรวจสอบว่าบัตรประชาชนเป็นของจริงหรือปลอม และถ้าจริงก็ต้องสืบสวนต่อไปว่ามีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องหรือไม่”

เบื้องต้นแจ้งข้อหา ชิงทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืน และทำด้วยประการใด ๆ เพื่อไม่ให้เห็นหรือจำได้ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิด เพื่อการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม, มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 178 ครั้ง

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

แสดง
ซ่อน