มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 2869 ครั้ง
นายกุศล หมีเทศ อดีตสส.จังหวัดสุโขทัย หรือนายกุศลศรีอารียะ ศรีอารวงศา พร้อมด้วยคณะศิษย์ยานุศิษย์ ได้เดินทางมารวมตัวกันที่สวนธรรมศรีวิไล บริเวณหลังสำนักงานขนส่งจังหวัดหนองบัวลำภู เลขที่195 ม.1 ต.โพธิ์ชัย อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู เพื่อปฎิบัติธรรม โดยมีพระสงฆ์เดินทางมาร่วมเทศนาธรรมให้กับผู้ที่เข้าร่วมเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ภายใต้การณ์สังเกตการณ์ของเจ้าหน้าที่กรมการปกครองและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ช่วงเช้าบรรยากาศภายในงานมีชาวบ้านผู้แสวงบุญและคณะประมาณ 100 คน มีการจัดกิจกรรมฟังบรรยายธรรม โดยภิกษุสงฆ์ พร้อมสวดมนต์ มีโรงทานจัดเลี้ยงให้คณะปฎิบัติธรรมและผู้คนที่เข้าไปร่วมงาน มีบริการอาหารและน้ำดื่ม โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
นายวัชรกาล ภูมินอก และนายชูโชค ฤทธิ์นอก บุคคลที่ร่วมสังเกตการณ์ ได้ให้ข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2564 ได้เดินทางมาที่สวนธรรมศรีวิไลครั้งหนึ่งแล้ว เพื่อเข้าพบนายกุศล หมีเทศ เพื่อสอบถามข้อมูลต่าง ๆ แต่พบเพียงนางสาวนิญาแก้วมณีโคฏ กุศลธัมมะกุล (แม่มณี) เป็นผู้ดูแลสวนธรรมฯ ต่อมานายกุศลฯ ได้ติดต่อมาพอดีทางโทรศัพท์ จึงได้พูดคุยบอกกับตนว่าอนุญาตให้ถามคำถามได้ แต่ต้องระหว่างวันที่ 30-31 มีนาคม 2564 เวลา 8 โมงเช้า-4 ทุ่ม จึงได้เดินทางกลับ
นายวัชรกาล กล่าวว่า ตนได้เดินทางมาวันนี้เพื่อพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับพระศรีอารฯ ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ตนได้เดินทางกันมารอตั้งแต่ตอนเช้า มีกิจกรรมและเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้น ซึ่งกิจกรรมในช่วงบ่ายจะมีพระสงฆ์ มาเทศนาธรรม 2 รูป สวดมนต์ในตอนเย็นและปฎิบัติธรรมในช่วงค่ำ โดยก่อนหน้านี้ช่วงบ่ายในขณะที่พระสงฆ์เทศนาธรรม มีหน่วยงานภาครัฐได้เดินทางมาตรวจสอบประกอบด้วย เจ้าหน้าที่กอ.รมน , หน่วยงานสาธารณสุข , กรมการปกครองส่วนท้องถิ่นและสำนักพุทธศาสนา ได้เข้าพบตัวแทนของสวนธรรมศรีวิไล ตามมาตรการป้องกันโรคระบาดไวรัสโควิด-19 และพรบ.อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเจ้าหน้าที่สำนักพุทธศาสนา พร้อมด้วยเจ้าคณะอำเภอ ได้เชิญพระภิกษุสงฆ์ที่กำลังเทศนาธรรมให้กับผู้ร่วมปฎิบัติธรรม ขึ้นรถก่อนนำตัวออกจากสถานปฎิบัติธรรมดังกล่าว
นายกุศลศรีอารียะ ศรีอารวงศา กล่าวว่า กรณีพระภิกษุสงฆ์เชิญตัวออกจากสถานปฎิบัติธรรม ตนทราบอยู่แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้เนื่องจากพระสงฆ์รูปนี้ ได้เดินทางมาที่สวนธรรมฯ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับพระศรีอารฯ และสนธนาธรรมกับตนจึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงได้ขอร่วมบุญด้วยการเทศนาธรรมให้กับผู้ที่เข้ารับปฎิบัติธรรมในวันนี้ ซึ่งตนได้กล่าวเตือนไว้แล้วว่าไม่เหมาะสม แต่พระสงฆ์รูปดังกล่าวยืนยันจะอยู่ต่อ จนทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
นายชูโชค กล่าวว่า ผู้ที่เข้ารับปฎิบัติส่วนใหญ่จะมีอายุเฉลี่ยประมาณ 40-60 ปีขึ้นไป ในวันนี้มีประมาณ 80-100 คน โดยเป็นประชาชนที่เดินทางมาจากที่อื่น บางคนมีอาการเจ็บป่วย , ปวดเมื่อยตามร่างกาย , มาขอโชคลาภ , นำของมาถวาย ในส่วนวิธีการแก้กรรมโดยการใช้สมาธิเสียง ในช่วงกลางดึกนั้น ตั้งแต่แรกจะมีการสวดมนต์ภาวนาตามบทสวดที่คณะลูกศิษย์ของนายกุศลฯ นำมาแจกให้สลับกับการนั่งสมาธิ ต่อมาผู้บรรยายได้ให้พูดคำว่า อารยะ อารยะซ้ำไปมาหลายครั้ง โดยใช้เสียงดัง และพูดเร็วๆ รัวๆ นานเกือบ 10 นาที ผู้ที่เข้ารับปฎิบัติ บางคนมีอาการตัวสั่น คลื่นไส้ เหงื่อท่วมตัวกันหลายคน โดยมีคณะลูกศิษย์ สอบถามอาการและดูแลอย่างใกล้ชิด แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรืออันตรายแต่อย่างใด
นายวัชรกาลฯ กล่าวว่า ตนได้ขอเข้ารับการแก้กรรมกับผู้ปฎิบัติท่านอื่น ซึ่งตนมีการเจ็บป่วยทางร่างกายบริเวณขาด้านขวาจากการเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีกนานกว่า 9 ปี จึงขอเข้าพิธีแก้กรรมเพื่อพิสูจน์ปาฎิหารย์ โดยหากขาขวาสามารถกลับมาเดินได้ปกติจะเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของพระศรีอารียะเมตไตรย
นายวัชรกาลฯ เล่าต่อไปอีกว่า ในระหว่างที่อยู่ในพิธีแก้กรรม โดยการนั่งสมาธิเสียง ร่างกายเมื่อยจากการนั่งขัดสมาธินาน และได้ยินเสียงคนพูดคำว่าอารยะ อารยะ ดังอยู่ตลอดเวลา ซึ่งได้ขออนุญาตจากนายกุศลฯ เพื่อทำการถ่ายทอดสดผ่านแอพพลิเคชั่นเฟสบุ๊คชื่อ “อาจารย์คิงส์ วัชรกาล” เพื่อเป็นประโยชน์กับประชาชนทั่วไป เพื่อให้ได้รับทราบข้อมูลความจริงที่ตนได้ไปพบมา หลังจากที่ปฎิบัติพิธีแก้กรรมเสร็จสิ้น ปรากฎว่าปาฎิหารย์ไม่มีจริงอาการเจ็บที่ขาขวาก็ไม่หาย หรือจะทุเลาลงอย่างใด
ต่อมาตนจึงได้ขอเข้าพบเพื่อถามคำถามพิสูจน์สิ่งที่นายกุศลฯ ได้เคยกล่าว อ้างว่าติดต่อญาณพระอริยสงฆ์ จนถึงวิญญาณผู้ล่วงลับได้ จึงได้ถามคำถามที่เตรียมมา แต่นายโกศลฯ เลือกที่จะไม่ตอบและให้ตนมารับฟังคำตอบในวันหลัง ตนจึงสรุปว่านายกุศลฯ ไม่ได้เป็นพระศรีอารียะเมตไตรยจริงตามที่ได้กล่าวอ้าง จึงอยากฝากประชาชนทั่วไป อย่าได้หลงเชื่อ
ภาพ-ข่าว นายวัชรมน ประทีป ณ ถลาง สำนักบรรณาธิการข่าวสังคมตำรวจ PSN 022
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 2869 ครั้ง