มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 2161 ครั้ง
“เฉลิมชัย” จับมือ “จุฬาฯ” ขับเคลื่อนเทคโนโลยีเกษตร 4.0 เดินหน้าผลิตวัคซีน “ลัมปี สกิน” จากพืชเป็นโครงการเร่งด่วนตามด้วยซิลิคอนวัลเลย์เกษตรไฮเทค เมืองนวัตกรรมแก่งคอยตั้งเป้าสร้างรายได้ 2,500 ล้าน
ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยวันนี้ (26 มิ.ย.64) ภายหลังนำคณะผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ ประชุมหารือร่วมกับศาสตราจารย์ ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย ณ ห้องประชุม202 ชั้น 2 อาคารจามจุรี 4 สำนักงานอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่า ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรรมระหว่างกระทรวงเกษตรกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในโครงการแรก คือ การผลิตวัคซีนสัตว์ด้วยเทคโนโลยีโปรตีนพืช (Plant based Protein) เริ่มจากวัคซีนลัมปี สกิน ซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่ในไทยที่แพร่ระบาดในโค-กระบือหลายสิบจังหวัด และต้องนำเข้าวัคซีนจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่ใช้เทคโนโลยีนี้ในการผลิตวัคซีนสำหรับสัตว์ โดยกรมปศุสัตว์และบริษัทใบยาไฟโตฟาร์ม คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมดำเนินการทันที โดยวางเป้าการผลิตเพื่อใช้ในประเทศทดแทนการนำเข้าและขยายสู่การส่งออก นับเป็นประเทศแรกๆ ของโลก ที่ใช้เทคโนโลยีโปรตีนพืชผลิตวัคซีนสัตว์โดยทีมนักวิจัยของไทย
“วันนี้ถือเป็นวันประวัติศาสตร์วันหนึ่งที่สำคัญต่อการพลิกโฉมหน้าภาคเกษตรกรรมของไทย เมื่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตกลงจับมือร่วมทำงานกับกระทรวงเกษตรฯ เพราะการพัฒนาภาคเกษตรในยุคปัจจุบันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ต้องใช้วิทยาการและเทคโนโลยีเป็นหัวใจสำคัญ นอกจากนี้จะมีโครงการความร่วมมืออื่นๆ ที่สำคัญ เช่น โครงการพัฒนาสมุนไพรเพื่อสุขภาพ, โครงการส่งเสริมสตาร์ทอัพเกษตร, โครงการพัฒนาฮาลาล, โครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง, โครงการการพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ (Young Smart farmer ) เป็นต้น รวมทั้งการพัฒนาพันธุ์ข้าวที่ขอฝากไว้เป็นพิเศษโดยมอบหมายให้ที่ปรึกษา อลงกรณ์ พลบุตร ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหาร AIC เป็นผู้ประสานงานกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งนี้จะมีการทำเอ็มโอยู ภายในสัปดาห์หน้า”
ทางด้านศาสตราจารย์ ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยินดีและพร้อมร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อย่างเต็มที่ ในการต่อยอดการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมสู่การใช้ประโยชน์ในการพัฒนาภาคเกษตรกรรมโดยทันที โดยเฉพาะการพัฒนาวัคซีนสัตว์จากพืชเป็นโครงการนำร่องโครงการแรก รวมทั้งเสนอให้กระทรวงเกษตรฯ ใช้พื้นที่ของสยามสแควร์อินโนเวชั่นดิสตริคท์ (Siamsquare Innovation District) ในการนำเทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมมาเปิดแสดงและสาธิตต่อยอดการลงทุนนวัตกรรมใหม่ๆ ของศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC) ทั่วประเทศ รวมทั้งการดำเนินโครงการแก่งคอยอินโนเวชั่นดิสตริคท์ (Kaengkoi Innovation District (KID), โครงการเกษตรอัจฉริยะ ( Smart Farming), โครงการสมาร์ท โอท็อป (Smart OTOP), โครงการดิจิตอลไอทีวัลเลย์ (Digital IT Valley)
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า โครงการความร่วมมือที่จะตามมาโดยเร็ว คือ โครงการพัฒนาแก่งคอยอินโนเวชั่นดิสตริคท์ หรือเมืองนวัตกรรมแก่งคอย ในพื้นที่ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่อำเภอแก่งคอยจังหวัดสระบุรี จะร่วมกันพัฒนาคล้ายกับซิลิคอนวัลเลย์ (Silicon Valley) ในสหรัฐอเมริกาที่ริเริ่มดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University) ซึ่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีสตาร์ทอัพกว่า 200 บริษัท ที่พร้อมต่อยอดการลงทุนสตาร์ทอัพกลุ่มเทคโนโลยีเกษตรและอาหาร รวมทั้ง (Foodtech และ Agritech Start-Up) โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งเป้าหมายเบื้องต้นจะสร้างคนสร้างงานสร้างรายได้กว่า 2,500 ล้านบาท
สำหรับคณะผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ ประกอบด้วย นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายธนา ชีรวินิจ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองปลัดกระทรวง ผู้ช่วยปลัดกระทรวง เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร อธิบดีกรมปศุสัตว์ รองอธิบดีกรมประมง รองอธิบดีกรมวิชาการ คณะทำงานที่ปรึกษารัฐมนตรี เป็นต้น
ส่วนคณะผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกอบด้วย รองอธิการบดี ผู้ช่วยอธิการบดี คณบดี และทีมนักวิจัยอีกหลายคน
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 2161 ครั้ง