ประวัติศาสตร์หน้าใหม่! ส่งออกข้าวไทย 1,000 ตันโดย “รถไฟจีน-ลาว” ถึงฉงชิ่ง

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 735 ครั้ง

“จุรินทร์-เฉลิมชัย” ร่วมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่!!! ส่งออกข้าวไทยล็อตแรก 1,000 ตันโดย “รถไฟสายจีน-ลาว” ถึงมหานครฉงชิ่งในภาคตะวันตกของจีนสำเร็จเป็นครั้งแรก “อลงกรณ์” ชี้เป็นศักราชใหม่ของอีสานเกตเวย์ ตั้งเป้าหมายต่อไปส่งออก”ยางพารา ผลไม้ กล้วยไม้ สินค้าประมงและปศุสัตว์

วันนี้ (20 ม.ค.65) นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ประเทศไทยสามารถส่งออกข้าวสาร จำนวน 20 ตู้ ปริมาณ 1,000 ตันโดยใช้เส้นทางรถไฟสายจีน-ลาวไปถึงมหานครฉงชิ่ง (Chongqing)ในภาคตะวันตกของจีนสำเร็จเป็นครั้งแรกถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการขนส่งระบบรางเพื่อขยายโอกาสทางการค้าและการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร ผู้ประกอบการและประเทศโดยส่วนรวมภายใต้การทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ ภาคเกษตรกรและภาคเอกชนตามนโยบายการพัฒนาโลจิสติกส์เกษตรและยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิตเพื่อการส่งออกของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์กับ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

และต้องขอบคุณ สปป.ลาวและจีนในความร่วมมืออันดียิ่งสำหรับความสำเร็จก้าวแรกในครั้งนี้แม้ต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด19ระลอกแล้วระลอกเล่าซึ่งทำให้การทำงานเป็นไปด้วยความยากลำบากโดยเฉพาะในปีที่ผ่านมาโดยจะประเมินผลการส่งออกข้าวล็อตแรกครั้งนี้รวมทั้งระบบการจองขบวนรถขนส่งสินค้าและการจองตู้คอนเทนเนอร์ซึ่งกำลังประสานงานกับผู้ให้บริการของทั้งสปป.ลาวและจีนเพื่อเร่งขยายผลไปสู่การส่งออกสินค้าเกษตรตัวอื่นรวมทั้งเป้าหมายตลาดใหม่ๆทั้งในมณฑลต่างๆของจีนและประเทศอื่นๆ ต่อไปโดยเร็ว

นายอลงกรณ์ กล่าวต่อไปว่า เราเดินหน้าสร้างความพร้อมสำหรับวันนี้มาเป็นเวลากว่า2ปีสำหรับการขนส่งผ่านทางรถไฟสายใหม่ซึ่งเพิ่งเปิดเป็นทางการเมื่อวันที่3ธันวาคมที่ผ่านมาตามยุทธศาสตร์อีสานเกตเวย์ (ESAN Gateway) เชื่อมไทย-เชื่อมโลก นับเป็นการเปิดศักราชหน้าใหม่ของการค้าการส่งออกสินค้าไทยไปจีนโดยมีเป้าหมายสู่ตลาดต่อไปคือตลาดเอเซียกลาง เอเซียตะวันออก ตะวันออกกลาง รัสเซีย และยุโรปและเพิ่มสินค้าเกษตรที่จะขนส่งผ่านเส้นทางรถไฟสายนี้คือยางพารา ผลไม้ กล้วยไม้ไทย มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน สินค้าประมงและปศุสัตว์รวมทั้งสินค้าเกษตรแปรรูปและสินค้าอื่นๆ

“สำหรับมหานครฉงชิ่ง เป็นชุมทางรถไฟและการขนส่งหลายรูปแบบโดยอาศัยข้อได้เปรียบจากการมีที่ตั้งอยู่บนเส้นทางสายไหมใหม่BRI (อีต้าอีลู่) และแม่น้ำแยงซีเกียงจึงมีความพร้อมทางด้านโลจิสติกส์และได้วางนโยบายเชื่อมโยง “ฉงชิ่ง-อาเซียน” เป็นแนวทางที่สอดคล้องกับรัฐบาลไทย ทั้งนี้มหานครฉงชิ่งมีเขตโลจิสติกส์อาเซียนและนานาชาติในตำบลหนานเผิง เขตปาหนาน (Chongqing ASEAN International Logistics Park) ถือเป็นเส้นทางขนส่งและระบบโลจิสติกส์ที่สำคัญและเป็น ประตูเศรษฐกิจของจีนตะวันตก สามารถเป็นจุดกระจายสินค้าไปมณฑลต่างๆ ในภูมิภาคตะวันตกของจีนและขนส่งผ่านไปยังประเทศต่างๆ

ทั้งนี้ตนเคยเดินทางเยือนมหานครฉงชิ่งเห็นถึงศักยภาพของมหานครแห่งนี้เพราะนอกจากการเป็นชุมทางการขนส่งทางรางและทางอากาศแล้วมหานครฉงชิ่งยังสามารถเชื่อมโยงเส้นทางขนส่งในแม่น้ำแยงซีเกียงเพราะมีท่าเรือ “กว่อหยวน” ตั้งอยู่ที่เขตเศรษฐกิจใหม่เหลี่ยงเจียงเป็นจุดกระจายสินค้าเข้าไปสู่ตอนกลางและภาคตะวันออกของจีนได้อีกเส้นทางหนึ่งด้วย ยิ่งกว่านั้นยังมีตลาดค้าส่งสินค้าเกษตรนานาชาติซวงฝูเป็นศูนย์กลางกระจายผักและผลไม้ของจีนตะวันตกตลาดซวงฝูตั้งอยู่ในทำเลที่มีการคมนาคมขนส่งที่สะดวก มีการเชื่อมโยงกับสถานีรถไฟ ท่าเรือและท่าอากาศยานของฉงชิ่งเหมาะต่อการค้าขายและกระจายสินค้าเกษตรของไทย

โดยเฉพาะผลไม้ที่จะขนส่งทางรถไฟจากไทยไปฉงชิ่งภายในเวลา 1-2 วันทำให้มีความสดและอร่อยมั่นใจจะเพิ่มการขายขยายตลาดได้อีกมากหลังจากปี 2564 เราส่งออกผลไม้ได้กว่าแสนล้านบาททำลายสถิติที่ผ่านมาและครองมาร์เก็ตแชร์ตลาดผลไม้ในจีนเป็นอันดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามยังมีความเสี่ยงเกี่ยวกับการระบาดของโควิด-19 และมีผลกระทบต่อการขนส่งและการเปิดปิดด่านเข้าออกจีนกรณีพบการปนเปื้อนซึ่งเราจะการ์ดตกในเรื่องนี้ไม่ได้ตั้งแต่ฟาร์มถึงตลาด โดยดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สั่งการเป็นพิเศษในเรื่องนี้

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 735 ครั้ง

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

แสดง
ซ่อน