มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 750 ครั้ง
วัดชลประทานรังสฤษดิ์ เปิดสุคติสถาน บ้านหลังสุดท้ายของผู้วายชนม์ ใช้เตาเผาไร้ควัน ปราศจากมลพิษ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
วานนี้ (6 มี.ค.65) ที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร และเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เป็นประธานประกอบพิธีเปิดอาคารสุคติสถาน โดยมี คุณเอมอร ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการกลุ่ม บริษัท คิง เพาเวอร์ นายวิชัย บรรดาศักดิ์ นายกเทศมนตรีนครปากเกร็ด พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ดร.ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คุณประเสริฐ-ศิริพร ชะเอมน้อย ห้างหุ้นส่วนจำกัด ตั๊ก แตง เทรดดิ้งตลาดไท นายจิรชัย มูลทองโร่ย สมาชิกวุฒิสภา นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และคณะพุทธศาสนิกชนร่วมบุญในพิธี
พระปัญญานันทมุนี สณ. สุภโร เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษดิ์ เปิดเผยว่า วัดชลประทานรังสฤษดิ์ มีการเผาศพจนเตาระเบิด จนต้องซ่อมไปเผาไป และด้วยอายุของเมรุใช้งานมามากกว่า 30 ปี ประกอบด้วย เผาวันละ 3 ศพ ยุคโควิคต้องเพิ่มเป็น 4 ศพ รอบปีหนึ่งๆ เผาไป 800-900 ศพ ด้วยเหตุนี้ คณะสงฆ์และกรรมการบริหารวัด จึงอนุมัติให้จัดสร้างสุคติสถานเพื่ออนุเคราะห์ สงเคราะห์แก่ทุกชีวิต ที่จากโลกนี้ไป
คำว่า สุคติสถาน คือ บ้านหลังสุดท้ายของผู้วายชนม์ เป็นอาคารเป็นแนวตั้ง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้มาบำเพ็ญบุญกุศล โดยมี ห้องสวดพระอภิธรรม 10 ห้อง ห้องฌาปนกิจ 1 ห้อง 2 เตาเผา ห้องรับรอง ห้องน้ำชาย – หญิง มีลิฟต์โดยสาร 2 ชุด บันไดเลื่อน 1 ชุด ลิฟต์ขนของ 1 ชุด และมีระบบโซล่าเซลล์ เพียงพอกับการใช้ไฟฟ้าในอาคาร โดยระบบทั้งหมดปราศจากมลพิษเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แม้เตาเผาก็ปราศจากมลภาวะ เป็นมิตรในการอยู่ร่วมกันของชุมชนและสังคม ไม่มีปล่องเมรุ ปล่อยออกมาเฉพาะไอความร้อนเท่านั้น
จึงขอจารึกธรรม บูชาคุณ แก่ผู้ที่ร่วมสร้างอาคารสุคติสถานสำเร็จลงอย่างที่ประจักษ์พร้อมใช้งาน ผู้ร่วมเสียสละทรัพย์ มีตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงวัยบริจาคตั้งแต่ 1 บาท – เกินล้านบาท รวม 30,323 คน มียอดบริจาคจำนวน 279,660,252.56 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากพิธีเปิดอาคารสุคติสถานแล้ว ทางวัดยังจัดงานบุญประจำปี “สายสัมพันธ์กตัญญุตา” เน้นการปฏิบัติ ตามพระธรรมคือความกตัญญูกตเวที และบูชาบุคคลที่ควรบูชา โดยการนำอัฐิของบุพการี มีพ่อแม่ ครูอาจารย์ ปู่ย่า ตายาย ของแต่ละท่านมารวมกัน ให้คณะสงฆ์ ทักษิณานุปทาน หรือ มาติกาบังสุกุล อุทิศให้แก่ผู้วายชนม์ด้วย
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 750 ครั้ง