มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 784 ครั้ง
“อลงกรณ์” โต้ “สนธิ ลิ้ม” ประกาศชัดไม่ยอมให้ใครผูกขาดทุเรียนไทย พร้อมชนทุนผูกขาด ลั่นใครเอี่ยวฟันเด็ดขาด มั่นใจผลงานทีมประชาธิปัตย์ 3 ปี ดันทุเรียนไทยผงาดแชมป์จีนสร้างรายได้ทะลุแสนล้านเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ชี้แจงว่า ตามที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกรายการ Sonthitalk (ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง) เผยแพร่ทางยูทูปเรื่อง “แฉทุนจีนสีเทาผูกขาดทุเรียนไทย” นั้น ต้องขอบคุณที่ให้ความสนใจนำเสนอเรื่องดังกล่าวและได้ให้คำแนะนำในเรื่องการป้องกันการผูกขาดและการค้าทุเรียนอ่อนด้อยคุณภาพ รวมทั้งปัญหาล้งนอมินีที่อาจกระทบต่อทุเรียนไทยทั้งในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับข้อห่วงใยของคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (ฟรุ้ทบอร์ด) เช่นเดียวกัน โดยได้ให้กรมวิชาการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งเป็นปัญหาที่หมักหมมสะสมมานานให้ลุล่วงโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้จากผลการบริหารจัดการผลไม้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จนสถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับสามารถยกระดับการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานผลไม้ไทย โดยเฉพาะทุเรียนจนประสบความสำเร็จทำให้ผู้บริโภคจีนเชื่อมั่นในคุณภาพผลไม้ไทย ส่งผลให้ราคาทุเรียนหน้าสวนและหน้าล้งดีต่อเนื่องมากว่า 2 ปี ทำรายได้เพิ่มให้กับชาวสวนทุเรียนของไทย แม้ว่าต้องเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 และผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งต้องทำงานด้วยความยากลำบาก แต่ก็ฝ่าฟันมาได้ เป็นผลให้ในปีที่ผ่านมาผลไม้ไทยสามารถครองใจผู้บริโภคชาวจีนจนครองส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ในประเทศจีนเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 40% ตามมาด้วยชีลิที่เป็นอันดับ 2 ซึ่งครองสัดส่วนตลาด 15% และเวียดนามครองอันดับที่ 3 ด้วยสัดส่วนตลาด 6% สามารถสร้างรายได้จากตลาดจีนกว่า 2 แสนล้านบาท ยิ่งกว่านั้นทุเรียนสดของไทยยังสามารถครองส่วนแบ่งในตลาดโลกกว่า 70% และครองส่วนแบ่งในตลาดจีนสูงเกินกว่า 90% ด้วยปริมาณการส่งออกไปตลาดจีนกว่า 8 แสนตัน คิดเป็นมูลค่าทะลุ 1 แสนล้านบาท เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
สำหรับปีนี้ได้ส่งออกทุเรียนสดไปจีนแล้วกว่า 7 แสนตัน มูลค่ากว่า 8 หมื่นล้านบาท ระหว่างวันที่ 1 ก.พ. ถึง 17 พ.ย.2565 ความสำเร็จข้างต้นเป็นผลมาจากยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิตและยุทธศาสตร์ 3 s (safety security sustainability) โดยรูปแบบการทำงานเชิงรุกล่วงหน้าบูรณาการทุกภาคส่วนด้วยกลยุทธ์การตลาดใหม่ๆ แบบออนไลน์ ออฟไลน์ และการทำพิธีสารส่งออกนำเข้าผลไม้ไทย-จีน ฉบับใหม่ จนเปิดด่านจีนได้เพิ่มขึ้นเป็น 10 ด่าน และสามารถเพิ่มการขนส่งทางรางด้วยรถไฟจีน-ลาว ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก โดยกำลังขยายเป้าหมายเส้นทางขนส่งผลไม้และสินค้าเกษตรของไทยไปยังเอเซียกลาง ตะวันออกกลางและยุโรป
“ส่วนหนึ่งของความสำเร็จเป็นผลมาจากนโยบายยกระดับคุณภาพมาตรฐานและมาตรการป้องกันการปนเปื้อนโควิดของผลไม้ไทย โดยเฉพาะการปราบปรามทุเรียนอ่อน ทุเรียนด้อยคุณภาพ และทุเรียนสวมสิทธิ์อย่างเด็ดขาดของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานฟรุ้ทบอร์ด โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรฯ กรมวิชาการและกรมส่งเสริมการเกษตรทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง สมาคมผลไม้ สหกรณ์ และตัวแทนเกษตรกร โดยต้องไม่ให้ลูบหน้าปะจมูก เช่น กรณีการแอบอ้างเป็นที่ปรึกษาหรือคนรู้จักกับฝ่ายการเมืองไม่ว่าพรรคฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ต้องไม่ละเว้นให้ดำเนินคดีให้หมดทุกราย และหากนักการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ในพื้นที่หรือนอกพื้นที่ทุจริตต่อหน้าที่ โดยเรียกรับผลประโยชน์จะถูกลงโทษอย่างเด็ดขาด ยืนยันว่าไม่มีฝ่ายการเมืองในกระทรวงเกษตรฯ ในส่วนพรรคประชาธิปัตย์ไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนจีนสีเทา จึงขอให้กลั่นกรองข่าวสารข้อมูลอย่างถ้วนถี่หรือตรวจสอบข้อมูลกับฟรุ้ทบอร์ดหรือตนได้ตลอดเวลาทั้งในและนอกเวลาราชการ
ส่วนกรณีใบรับรอง GAP จำนวน 8 หมื่นฉบับ ที่ต้องปรับรหัสตามระบบใหม่ เพื่อให้การบริหารข้อมูล GAP ของประเทศไทยและประเทศจีนทันสมัยมากขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบย้อนกลับ (traceability) ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การทำงานแบบใหม่
ทางอธิบดีกรมวิชาการ รายงานต่อฟรุ้ทบอร์ดว่า ได้จัดหน่วยพิเศษเพิ่มขึ้นเพื่อดำเนินการให้เสร็จเรียบร้อยทันฤดูกาลใหม่ที่จะมาถึงแน่นอน
“การบริหารจัดการผลไม้ยังต้องแก้ไขปัญหาอีกมาก ทั้งปัญหาเฉพาะหน้าและปัญหาเชิงโครงสร้างและระบบไม่ใช่ว่า 3 ปีจะแก้ไขได้หมดทุกเรื่องทุกประเด็น โดยเฉพาะเรื่องปัญหาคุณภาพมาตรฐานและปัญหาระบบการค้าเพราะเป็นปัญหาที่หมักหมมสะสมมานานหลายสิบปี รวมทั้งการยกระดับการป้องกันการปนเปื้อนของโควิด-19 เนื่องจากเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่อย่างรุนแรงในประเทศจีน ในช่วงนี้และยังไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อใดก็ต้องสร้างความพร้อมในการรับมือเผชิญหน้ากับปัญหาผลผลิตเพิ่มและคู่แข่งใหม่ๆ ภายใต้แผนบริหารจัดการผลไม้ 5 ปี อย่างต่อเนื่อง”
สำหรับประเด็นที่ว่า กลุ่มทุนจีนสีเทาวิ่งเต้นอยู่เบื้องหลังการย้าย ผอ.สวพ.6 เพื่อเปิดช่องให้ขบวนการค้าทุเรียนอ่อนสมประโยชน์นั้น ยืนยันว่า ไม่มีใครมาวิ่งเต้นให้ย้าย ผอ.สวพ.6 ซึ่งเหตุผลการโยกย้ายเป็นไปตามที่อธิบดีกรมวิชาการได้แถลงชี้แจงไปแล้ว อยู่จังหวัดเดียวมา 30 กว่าปี มีประสบการณ์ความรู้ควรไปช่วยทุกภาค เพื่อประโยชน์ของผลไม้ทั้งประเทศ วันหน้าเป็นรองอธิบดีเป็นอธิบดีได้ ไม่อยากให้ลาออก หรืออาจจะไปเล่นการเมืองเป็น ส.ส.แบบพี่ชายก็ห้ามกันไม่ได้ ขออย่างเดียวอย่าเอาการเมืองมาปั่นจนกระทบการค้าการส่งออกทุเรียนไปจีนที่กำลังเดินหน้าไปได้ด้วยดี การออกข่าวหรือเคลื่อนไหวอะไรให้ตระหนักถึงผลกระทบต่อความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศไทยกับจีน และความรู้สึกของคนจีนที่มีความรักคนไทยและผลไม้ไทย มิฉะนั้นจะกลายเป็นทุบหม้อข้าวชาวสวนผลไม้ไทยทั้งประเทศ
ทั้งนี้ ฟรุ้ทบอร์ด ได้กำชับให้กรมวิชาการต้องทำงานแก้ไขปัญหาทุเรียนอ่อน ทุเรียนด้อยคุณภาพ ทุเรียนสวมสิทธิ์ให้ดีกว่าเดิมยิ่งๆ ขึ้นไปอีก ที่ผ่านมาจับกุมดำเนินคดีได้น้อยมาก ตรวจแล้วปล่อยก็มีและคดีก็ช้าผิดปกติ ซึ่งได้มอบให้รองปลัดกระทรวงเกษตร และผู้ตรวจราชการกระทรวง ลงไปช่วยสนับสนุนการทำงานในพื้นที่อีกแรงหนึ่ง เพราะยิ่งตลาดดีราคาดีคนก็มาปลูกมาค้าทุเรียนมากขึ้นมีมือใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เนื่องจากเห็นเป็นโอกาสทองของทุเรียนไทย โดยฟรุ้ทบอร์ดพร้อมส่งเสริมคนไทยให้เป็นผู้ประกอบการล้งอย่างต่อเนื่อง และจะมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบปัญหาการขายสวนทุเรียนให้ต่างชาติ ปัญหาทุนสีเทา ปัญหานอมินี และเรื่องสินเชื่อพิเศษสำหรับผู้ประกอบการล้งต่อไป
“เราจะไม่ยอมให้ใครมาผูกขาดทุเรียนไทย โดยเฉพาะตนยืนคนละฝั่งกับกลุ่มทุนผูกขาดไม่ว่าใหญ่แค่ไหนไม่เคยกลัวอย่าว่าแต่ทุนใหญ่ต่างด้าวเลยแม้แต่ยักษ์ใหญ่ในประเทศก็ชนมาแล้ว” นายอลงกรณ์ กล่าวทิ้งท้ายในที่สุด
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 784 ครั้ง