รวมพลังสมาคมเรือพายฯ - สหพันธ์เรือยาวมังกร - กฟผ. นำร่องปลูกป่า มุ่งสู่เป้าหมายปลูกป่าล้านไร่

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 290 ครั้ง

สมาคมกีฬาเรือพายแห่งประเทศไทย จับมือ สหพันธ์เรือยาวมังกร และ กฟผ. เดินหน้าปลูกป่าในพื้นที่ จ.ระยอง ภายใต้โครงการปลูกป่าอย่างมีส่วนร่วม มุ่งเพิ่มพื้นที่สีเขียว ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และคืนความสมบูรณ์ของระบบนิเวศอย่างยั่งยืน

วันนี้ (7 ส.ค.66) พล.ร.อ.ชัยณรงค์ เจริญรักษ์ นายกสมาคมกีฬาเรือพายแห่งประเทศไทย เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม Kick Off ปลูกป่าในพื้นที่ จ.ระยอง ภายใต้โครงการปลูกป่าอย่างมีส่วนร่วม โดยมีนายสมศักย์ ปรางทอง ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารด้านการใช้ไฟฟ้าและกิจการเพื่อสังคม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พร้อมด้วยนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันเรือยาวมังกรชิงแชมป์โลกกว่า 200 คน ร่วมปลูกป่านำร่องในพื้นที่ จ.ระยอง ภายใต้โครงการปลูกป่าอย่างมีส่วนร่วม ณ ศูนย์ฝึกเรือพายราชนาวี อ.บ้านฉาง จ.ระยอง

พล.ร.อ.ชัยณรงค์ เจริญรักษ์ นายกสมาคมกีฬาเรือพายแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กิจกรรมปลูกป่านำร่องในพื้นที่ จ.ระยอง ภายใต้โครงการปลูกป่าอย่างมีส่วนร่วม เป็นความร่วมมือของทั้งสองหน่วยงานในการเดินหน้าเพิ่มพื้นที่สีเขียวอย่างต่อเนื่อง โดยในครั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้นักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันเรือยาวมังกรชิงแชมป์โลกกว่า 200 คน ได้ร่วมกันปลูกป่าบริเวณศูนย์ฝึกเรือพายราชนาวี อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ คืนความอุดมสมบูรณ์ให้กับระบบนิเวศ และเสริมสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้กับนักกีฬาของสมาคมฯ

ด้านนายสมศักย์ ปรางทอง ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารด้านการใช้ไฟฟ้าและกิจการเพื่อสังคม กล่าวเสริมว่า โครงการปลูกป่าอย่างมีส่วนร่วมเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ความยั่งยืนด้านทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และพลังงานของ กฟผ. สอดคล้องกับนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน (EGAT Carbon Neutrality) ที่มีเป้าหมายเพิ่มพื้นที่สีเขียวของประเทศ เพื่อเป็นแหล่งดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตามธรรมชาติ สำหรับกิจกรรมปลูกป่านำร่องในพื้นที่ จ.ระยอง ครั้งนี้ มีเป้าหมายปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ในพื้นที่ 1 ไร่ 1 งาน กว่า 200 ต้น ประกอบด้วย ต้นสารภีทะเลซึ่งเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดระยอง ต้นยางนา และต้นทองอุไร

กฟผ. ตั้งเป้าปลูกป่าร่วมกับภาคีเครือข่ายปีละ 1 แสนไร่ ทั้งป่าอนุรักษ์ ป่าชุมชน ป่าเศรษฐกิจ และป่าชายเลน รวม 1 ล้านไร่ ภายในระยะเวลา 10 ปี (พ.ศ. 2565 – 2574) ซึ่งคาดว่าตลอดระยะเวลาของโครงการฯ จะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้รวมกว่า 23 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์