มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 238 ครั้ง
วันนี้ (19 ก.ย.66) นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ ร่วมกับ กรมสรรพากร ขอเชิญชวนบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้โอกาสรับผู้พ้นโทษเข้าทำงาน โดยกรมสรรพากรได้ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าว สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลัง วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2565 แต่ไม่เกิน วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2568 ซึ่งได้ว่าจ้างผู้พ้นโทษที่ได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ เป็นระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี นับแต่วันที่ได้รับการปล่อยตัวเข้าทำงาน นั้น
นายอายุตม์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์มีการสนับสนุน ส่งเสริมทักษะการทำงานด้านต่างๆ ให้ผู้ต้องขัง มาโดยตลอด อาทิเช่น ช่างเชื่อมโลหะ ช่างไฟฟ้า งานด้านช่างไม้ งานด้านการประกอบอาหาร งานบริการซักอบรีด งานบริการล้างทำความสะอาดรถ เป็นต้น ส่งผลให้ในปัจจุบัน กรมราชทัณฑ์มีแรงงานวิชาชีพที่ได้รับการฝึกฝนทักษะ ส่งเสริมความรู้ ความสามารถด้านต่างๆ และมีฝีมือดีอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อผู้ต้องขังเหล่านี้พ้นโทษก็จะมีความพร้อมที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงาน ซึ่งความร่วมมือดังกล่าว ส่งผลให้ผู้พ้นโทษได้โอกาสมีงานทำ สร้างรายได้ รวมถึงบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ได้มีแรงงานที่ผ่านการฝึกฝน ฝีมือดี มีวินัย เข้ามาเป็นแรงงานในองค์กร และยังสามารถยกเว้นภาษีเงินได้
สำหรับเงินได้ ที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงานผู้พ้นโทษ โดยมีหลักเกณฑ์วิธีการ เงื่อนไข ดังนี้
1. รับผู้พ้นโทษที่ได้รับการปล่อยตัวออกเรือนจำ เป็นระยะเวลาไม่เกินสามปี นับแต่วันที่ได้รับการปล่อยตัว
2. จัดทำรายงานเกี่ยวกับการรับผู้พ้นโทษเข้าทำงานที่จะนำมาใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นในการจ้างแรงงานผู้พ้นโทษเป็นรายเดือน ซึ่งต้องเก็บรักษารายงานและข้อความ รวมทั้งเอกสารประกอบการลงรายการในรายงานไว้ ณ สถานประกอบการ พร้อมที่จะให้พนักงานประเมินตรวจสอบได้
3. ต้องมีหลักฐานประกอบการปล่อยตัวของผู้พ้นโทษ พร้อมที่จะให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบได้ อาทิ หนังสือสำคัญการปล่อยตัว (ร.ท.25) หนังสือสำคัญการปล่อยตัวลดวันต้องโทษจำคุก (ล.ว.ท.3) หนังสือสำคัญพักการลงโทษ (พ.7) หรือหนังสือสำคัญพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ (พ.8)
นายอายุตม์ กล่าวทิ้งท้ายว่า กรมราชทัณฑ์เล็งเห็นถึงความสำคัญในการร่วมมือกัน เปิดให้โอกาสผู้พ้นโทษได้เข้าทำงาน เพื่อเป็นการสร้างช่องทางการประกอบอาชีพให้แก่ผู้พ้นโทษ ให้มีรายได้เลี้ยงดูตนเองและครอบครัว สามารถกลับคืนสู่สังคมได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 0 2967 2222 ต่อ 537 กลุ่มงานส่งเสริมทักษะการทำงาน กองพัฒนาพฤตินิสัย
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 238 ครั้ง