มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 318 ครั้ง
ป.ป.ช. ยังไม่บรรจุวาระ พิจารณาคดี “บิ๊กโจ๊ก” กับพวก ถูกกล่าวหา ปมเส้นเงินเอี่ยวเว็บพนัน เข้าที่ประชุม หลังพนักงานสอบสวน ส่งสำนวนให้พิจารณา ตั้งแต่เดือน ธ.ค.66
ความคืบหน้า กรณีที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคลี่คลายคดีเว็บไซต์พนันออนไลน์เครือข่ายมินนี่ ที่ได้รับการแต่งตั้งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้มาดูแลในคดีนี้ที่แยกเป็นสองสำนวน
แถลงข่าว ล่าสุด ว่า สำนวนที่พาดพิง พล.ต.อ.สุรเขษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และพวกรวมห้านายนั้น ได้ส่งไปให้สำนักงาน ป.ป.ช.พิจารณา ซึ่ง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ได้ประสานนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการปปช.ว่า สำนวนคดีเว็บพนันมินนี่แบ่งเป็นสองสำนวน โดยสำนวนแรกนั้นมีผู้ถูกกล่าวหา 61 คน และเป็นตำรวจ 8 นาย ซึ่งเป็นลูกน้อง รอง ผบ.ตร. ถูกกล่าวหารวมอยู่ด้วยนั้น สำนวนนี้ ป.ป.ช. ส่งเรื่องคืนพนักงานสอบสวนให้ดำเนินการต่อไปแล้ว
แหล่งข่าว ใน ป.ป.ช. กล่าวว่า ส่วนสำนวนที่พนักงานสอบสวนส่งถึงป.ป.ช.และกล่าวหาว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และพวกรวมห้านายว่า อาจพัวพันเงินจากเว็บพนันในสำนวนแรกนั้น พนักงานสอบสวน รวมทั้งอัยการขอให้ ป.ป.ช.พิจารณาว่าป.ป.ช.จะรับไว้ไต่สวนเองหรือส่งคืนกลับ ให้พนักงานสอบสวย ภายใน 30 วันนั้น โดยส่งหนังสือไป ป.ป.ช.ตั้งแต่ปลายเดือน ธ.ค. 2566
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังแถลง ด้วยว่า พนักงานสอบสวนต้องการนำกลับมาพิจารณาเพราะเป็นคดีต่อเนื่องกับคดีแรก โดยจะตั้งข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และ 157 กับ รอง ผบ.ตร.และพวก รวมทั้งข้อหาฟอกเงินด้วยหากปปช.ส่งสำนวนที่อ้างถึงรองผบ.ตร.และพวกกลับคืนมา และพนักงานสอบสวนน่าจะใช้เวลาไม่นานในการสั่งฟ้องเพราะดำเนินการสอบสวนมาระยะหนึ่งแล้ว แม้นายนิวัติไชย จะเคยบอกว่า ปปช.รับสำนวนดังกล่าวแล้วและจะตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยจะเชิญบุคคลและเอกสารมาสอบถามว่ารับผลประโยชน์จากเว็บพนันและได้รับค่าใช้จ่ายจริงหรือไม่นั้น
แหล่งข่าว ใน ป.ป.ช. ยังกล่าวว่า กรณีที่ นายนิวัติไชย ระบุนั้น เลขาธิการ ป.ป.ช.อาจอ้างถึงอำนาจตามมาตรา 61 แห่งพรป.ปปช แต่ทราบว่าพนักงานสอบสวนได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการปปช.แล้วมีข้อตกลงชั้นต้นว่า หากปปช.จะรับสำนวนที่กล่าวถึงพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และพวกไว้พิจารณานั้น ต้องดำเนินการตา มาตรา 63 และ 66 แห่งพรป.ปปช.และปปช.ไม่ควรอ้างมาตรา 61 แห่งพรป.ปปช.เพื่อขอพิจารณาสำนวนที่สองไว้พิจารณาเอง เหตุนี้จะกระทำไม่ได้ ปปช.ควรใช้มาตรา 63 แห่งพรป.ปปช.ส่งสำนวนคืนพนักงานสอบสวนตามที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวในการแถลงข่าวครั้งล่าสุดเพื่อความต่อเนื่องของคดี
ทั้งนี้ หากไล่ห้วงเวลานั้นพบว่าพนักงานสอบสวนส่งสำนวนที่กล่าวถึงพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และพวก มาให้ ป.ป.ช.ลงวันที่ 27 ธ.ค.2566 แต่วาระการประชุมคณะกรรมการปปช. ในเดือน ม.ค.-กลางเดือน ก.พ.2567 นั้นน่าสังเกตว่าไม่มีการบรรจุวาระนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.แต่อย่างใด และตอนนี้กำลังตรวจสอบว่าหนังสือดังกล่าวที่พนักงานสอบสวน ส่งมาเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2566 นั้น ฝ่ายใดเป็นผู้รับหนังสือและออกเลขรับหนังสือ
“หากไล่เรียงขั้นตอนการทำงานของปปช.ทั้งหมดตามการพิจารณาการร้องเรียน-สำนวนคดีนั้น ปปช. จะมีชั้นการทำงาน 6 ระดับคือ 1. เจ้าของสำนวนพิจารณาคำร้อง-ข้อกล่าวหาว่ามีมูลหรือไม่ 2. ส่งให้ผอ.ไต่สวนการทุจริตภาครัฐ1พิจารณา 3. ส่งให้ผู้ช่วยเลขาธิการปปช.พิจารณา 4. ส่งให้คณะอนุกรรมการไต่สวนไต่สวนการทุจริตภาครัฐ1พิจารณา 5. ส่งให้ประธานปปช.พิจารณาว่าจะบรรจุเข้าวาระการประชุมหรือไม่ 6. เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการปปช. พิจารณา
ขั้นตอนเหล่านี้จะใช้เวลานาน เพราะตามหลักกฎหมายปปช.ต้องดำเนินคดีให้แล้วเสร็จภายในสองปี และต่ออายุได้อีกหนึ่งปี รวมสามปี
แหล่งข่าว ยังระบุด้วยว่า สิ่งที่เลขาธิการ ป.ป.ช.กล่าวไว้ล่าสุดนั้น พบว่า ยังไม่มีการบรรจุวาระเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช.ในสำนวนกล่าวถึงพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และพวก เสนอให้กรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาให้ความเห็นว่าสำนักงานปปช.จะรับสำนวนนี้ไว้พิจารณาหรือไม่ และการจะระบุว่าปปช.จะรับ/ไม่รับวาระดังกล่าวไว้พิจารณานั้น ต้องเป็นมติคณะกรรมการปปช. เท่านั้น เลขาธิการ/รองเลขาธิการ/ผู้ช่วยเลขาธิการป.ป.ช.หรือ ผอ.สำนักไต่สวนต่าง ๆ หรือคณะอนุกรรมการไต่สวน ปปช.จะระบุว่าปปช.มีอำนาจรับ/ไม่รับคำร้องนั้นไว้พิจารณาด้วยตัวเองไม่ได้
“พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ การจะรับคดีไว้พิจารณาหรือไม่ ต้องผ่านมติคณะกรรมการ ป.ป.ช.เท่านั้น”
แหล่งข่าว กล่าวว่า ทราบว่าในช่วงเวลาดังกล่าว (27 ธ.ค.2566-11 ม.ค.2567) ที่พนักงานสอบสวนส่งหนังสือมายัง ป.ป.ช. (27 ธ.ค.2566) นั้น ทราบว่านางสาวสุภา ปิยะจิตติ กรรมการปปช.ที่หมดวาระ ในวันที่ 11 ม.ค.2567 เป็นผู้ลงนามรับหนังสือและส่งเข้าสำนักงานไต่สวนภาครัฐ 1 (สตร.1) ป.ป.ช. ที่ดูแลตำรวจและไม่ได้แจ้งกรรมการ ป.ป.ช.ให้ทราบ เพราะวันที่ 12 ม.ค.2567 นายเอกวิทย์ วัชขวัลคุ ปปช.คนใหม่ มารับหน้าที่ต่อจากนางสาวสุภา จึงไม่ทราบเรื่องแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีกำหนดการแถลงข่าวชี้แจง กรณีที่เกิดขึ้นต่อสื่อมวลชน ในวันพรุ่งนี้ (22 ก.พ.67) เวลา 10.00 น. ที่สโมสรตำรวจ
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 318 ครั้ง