ป.ป.ช. ยังไม่บรรจุวาระ พิจารณาคดี “บิ๊กโจ๊ก” กับพวก ปมเส้นเงินเอี่ยวเว็บพนัน

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 272 ครั้ง

ป.ป.ช. ยังไม่บรรจุวาระ พิจารณาคดี “บิ๊กโจ๊ก” กับพวก ถูกกล่าวหา ปมเส้นเงินเอี่ยวเว็บพนัน เข้าที่ประชุม หลังพนักงานสอบสวน ส่งสำนวนให้พิจารณา ตั้งแต่เดือน ธ.ค.66

ความคืบหน้า กรณีที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคลี่คลายคดีเว็บไซต์พนันออนไลน์เครือข่ายมินนี่ ที่ได้รับการแต่งตั้งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้มาดูแลในคดีนี้ที่แยกเป็นสองสำนวน

แถลงข่าว ล่าสุด ว่า สำนวนที่พาดพิง พล.ต.อ.สุรเขษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และพวกรวมห้านายนั้น ได้ส่งไปให้สำนักงาน ป.ป.ช.พิจารณา ซึ่ง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ได้ประสานนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการปปช.ว่า สำนวนคดีเว็บพนันมินนี่แบ่งเป็นสองสำนวน โดยสำนวนแรกนั้นมีผู้ถูกกล่าวหา 61 คน และเป็นตำรวจ 8 นาย ซึ่งเป็นลูกน้อง รอง ผบ.ตร. ถูกกล่าวหารวมอยู่ด้วยนั้น สำนวนนี้ ป.ป.ช. ส่งเรื่องคืนพนักงานสอบสวนให้ดำเนินการต่อไปแล้ว

แหล่งข่าว ใน ป.ป.ช. กล่าวว่า ส่วนสำนวนที่พนักงานสอบสวนส่งถึงป.ป.ช.และกล่าวหาว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และพวกรวมห้านายว่า อาจพัวพันเงินจากเว็บพนันในสำนวนแรกนั้น พนักงานสอบสวน รวมทั้งอัยการขอให้ ป.ป.ช.พิจารณาว่าป.ป.ช.จะรับไว้ไต่สวนเองหรือส่งคืนกลับ ให้พนักงานสอบสวย ภายใน 30 วันนั้น โดยส่งหนังสือไป ป.ป.ช.ตั้งแต่ปลายเดือน ธ.ค. 2566

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังแถลง ด้วยว่า พนักงานสอบสวนต้องการนำกลับมาพิจารณาเพราะเป็นคดีต่อเนื่องกับคดีแรก โดยจะตั้งข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และ 157 กับ รอง ผบ.ตร.และพวก รวมทั้งข้อหาฟอกเงินด้วยหากปปช.ส่งสำนวนที่อ้างถึงรองผบ.ตร.และพวกกลับคืนมา และพนักงานสอบสวนน่าจะใช้เวลาไม่นานในการสั่งฟ้องเพราะดำเนินการสอบสวนมาระยะหนึ่งแล้ว แม้นายนิวัติไชย จะเคยบอกว่า ปปช.รับสำนวนดังกล่าวแล้วและจะตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยจะเชิญบุคคลและเอกสารมาสอบถามว่ารับผลประโยชน์จากเว็บพนันและได้รับค่าใช้จ่ายจริงหรือไม่นั้น

แหล่งข่าว ใน ป.ป.ช. ยังกล่าวว่า กรณีที่ นายนิวัติไชย ระบุนั้น เลขาธิการ ป.ป.ช.อาจอ้างถึงอำนาจตามมาตรา 61 แห่งพรป.ปปช แต่ทราบว่าพนักงานสอบสวนได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการปปช.แล้วมีข้อตกลงชั้นต้นว่า หากปปช.จะรับสำนวนที่กล่าวถึงพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และพวกไว้พิจารณานั้น ต้องดำเนินการตา มาตรา 63 และ 66 แห่งพรป.ปปช.และปปช.ไม่ควรอ้างมาตรา 61 แห่งพรป.ปปช.เพื่อขอพิจารณาสำนวนที่สองไว้พิจารณาเอง เหตุนี้จะกระทำไม่ได้ ปปช.ควรใช้มาตรา 63 แห่งพรป.ปปช.ส่งสำนวนคืนพนักงานสอบสวนตามที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวในการแถลงข่าวครั้งล่าสุดเพื่อความต่อเนื่องของคดี

ทั้งนี้ หากไล่ห้วงเวลานั้นพบว่าพนักงานสอบสวนส่งสำนวนที่กล่าวถึงพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และพวก มาให้ ป.ป.ช.ลงวันที่ 27 ธ.ค.2566 แต่วาระการประชุมคณะกรรมการปปช. ในเดือน ม.ค.-กลางเดือน ก.พ.2567 นั้นน่าสังเกตว่าไม่มีการบรรจุวาระนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.แต่อย่างใด และตอนนี้กำลังตรวจสอบว่าหนังสือดังกล่าวที่พนักงานสอบสวน ส่งมาเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2566 นั้น ฝ่ายใดเป็นผู้รับหนังสือและออกเลขรับหนังสือ

“หากไล่เรียงขั้นตอนการทำงานของปปช.ทั้งหมดตามการพิจารณาการร้องเรียน-สำนวนคดีนั้น ปปช. จะมีชั้นการทำงาน 6 ระดับคือ 1. เจ้าของสำนวนพิจารณาคำร้อง-ข้อกล่าวหาว่ามีมูลหรือไม่ 2. ส่งให้ผอ.ไต่สวนการทุจริตภาครัฐ1พิจารณา 3. ส่งให้ผู้ช่วยเลขาธิการปปช.พิจารณา 4. ส่งให้คณะอนุกรรมการไต่สวนไต่สวนการทุจริตภาครัฐ1พิจารณา 5. ส่งให้ประธานปปช.พิจารณาว่าจะบรรจุเข้าวาระการประชุมหรือไม่ 6. เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการปปช. พิจารณา

ขั้นตอนเหล่านี้จะใช้เวลานาน เพราะตามหลักกฎหมายปปช.ต้องดำเนินคดีให้แล้วเสร็จภายในสองปี และต่ออายุได้อีกหนึ่งปี รวมสามปี

แหล่งข่าว ยังระบุด้วยว่า สิ่งที่เลขาธิการ ป.ป.ช.กล่าวไว้ล่าสุดนั้น พบว่า ยังไม่มีการบรรจุวาระเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช.ในสำนวนกล่าวถึงพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และพวก เสนอให้กรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาให้ความเห็นว่าสำนักงานปปช.จะรับสำนวนนี้ไว้พิจารณาหรือไม่ และการจะระบุว่าปปช.จะรับ/ไม่รับวาระดังกล่าวไว้พิจารณานั้น ต้องเป็นมติคณะกรรมการปปช. เท่านั้น เลขาธิการ/รองเลขาธิการ/ผู้ช่วยเลขาธิการป.ป.ช.หรือ ผอ.สำนักไต่สวนต่าง ๆ หรือคณะอนุกรรมการไต่สวน ปปช.จะระบุว่าปปช.มีอำนาจรับ/ไม่รับคำร้องนั้นไว้พิจารณาด้วยตัวเองไม่ได้

“พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ การจะรับคดีไว้พิจารณาหรือไม่ ต้องผ่านมติคณะกรรมการ ป.ป.ช.เท่านั้น”

แหล่งข่าว กล่าวว่า ทราบว่าในช่วงเวลาดังกล่าว (27 ธ.ค.2566-11 ม.ค.2567) ที่พนักงานสอบสวนส่งหนังสือมายัง ป.ป.ช. (27 ธ.ค.2566) นั้น ทราบว่านางสาวสุภา ปิยะจิตติ กรรมการปปช.ที่หมดวาระ ในวันที่ 11 ม.ค.2567 เป็นผู้ลงนามรับหนังสือและส่งเข้าสำนักงานไต่สวนภาครัฐ 1 (สตร.1) ป.ป.ช. ที่ดูแลตำรวจและไม่ได้แจ้งกรรมการ ป.ป.ช.ให้ทราบ เพราะวันที่ 12 ม.ค.2567 นายเอกวิทย์ วัชขวัลคุ ปปช.คนใหม่ มารับหน้าที่ต่อจากนางสาวสุภา จึงไม่ทราบเรื่องแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีกำหนดการแถลงข่าวชี้แจง กรณีที่เกิดขึ้นต่อสื่อมวลชน ในวันพรุ่งนี้ (22 ก.พ.67) เวลา 10.00 น. ที่สโมสรตำรวจ

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 272 ครั้ง

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

แสดง
ซ่อน