มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 183 ครั้ง
หอการค้าไทย , กระทรวงมหาดไทย , การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) , สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (สสปน.) และ กลุ่มเซ็นทรัล ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ภายใต้โครงการ Platform ซื้อขายคาร์บอนเครดิต หรือ Carbon Neutrality 4 ALL ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์
การลงนามในบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero และส่งเสริมให้ภาครัฐ เอกชน และบุคคลทั่วไป ได้ร่วมกันผลักดันการลดโลกร้อน ผ่านแพลตฟอร์มซื้อขายคาร์บอนเครดิต CCXT (Carbon Credit Exchange of Thailand) อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันการซื้อขายคาร์บอนเครดิต หรือการชดเชยคาร์บอนเครดิตจากกิจกรรมต่าง ๆ ยังอยู่ในวงจำกัดเฉพาะธุรกิจรายใหญ่ และ ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เท่านั้น แพลตฟอร์มนี้จึงเป็นช่องทางหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมให้หน่วยงาน หรือ ผู้ประกอบการรายย่อย และบุคคลทั่วไป ได้มีโอกาสเข้าถึงการชดเชยคาร์บอนเครดิตจากกิจกรรมต่าง ๆ ผ่านแพลตฟอร์ม และแอพลิเคชั่น ที่เกี่ยวข้องกับภาคส่วนต่าง ๆ ได้แก่ ภาคการค้าและการลงทุน , ภาคการเกษตรและอาหาร , การท่องเที่ยวและบริการ และ อุตสาหกรรมไมซ์
โดยในเฟสแรก เริ่มต้นจากการชดเชยคาร์บอนเครดิตจากมาตรฐาน TVER ของประเทศไทย ใช้ในกลุ่มท่องเที่ยว การจัดงานอีเว้นท์ อุตสาหกรรมไมซ์ และภาคบริการต่าง ๆ ผ่านแอพลิเคชั่น CERO ที่เป็นแอพลิเคชั่นแรกบนแพลตฟอร์มนี้ โดยกระทรวงมหาดไทยนำคาร์บอนเครดิตชุมชน จาก “โครงการถังขยะเปียกลดโลกร้อน” เข้าสู่แพลตฟอร์มนี้ สำหรับฝั่งผู้ซื้อคาร์บอนเครดิตมาจากการประชาสัมพันธ์จากหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและเครือข่าย ที่ได้เชิญชวนให้สมาชิกจำนวนกว่า 140,000 ราย เข้าร่วมใช้แพลตฟอร์มเพื่อสร้างแบบอย่างที่ดีต่อการดำเนินธุรกิจภาคการค้ายุคใหม่ นอกจากนี้ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ยังส่งเสริมให้เครือข่ายภาคการท่องเที่ยว โรงแรม ศูนย์การจัดประชุมสัมมนา งานแสดงสินค้า ร่วมใช้แพลตฟอร์ม และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ยังประชาสัมพันธ์ให้กับเครือข่ายผู้ประกอบการภาคท่องเที่ยว ร่วมคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในแพลตฟอร์มของ ททท. และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขยายผลนำข้อมูลดังกล่าวมาเชื่อมต่อกับแอพลิเคชั่นภายใต้โครงการ และ กลุ่มเซ็นทรัล ร่วมเป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์มดูแลการบริหารจัดการระบบแพลตฟอร์มให้มีประสิทธิภาพ และสะดวกต่อการใช้งาน นอกจากนี้ยังมีการประชาสัมพันธ์ผ่านคู่ค้า และเครือข่ายของกลุ่มเซ็นทรัลอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ประกอบด้วยโครงสร้างหลัก 5 ส่วน ได้แก่ (1) เจ้าของคาร์บอนเครดิตที่ได้รับการรับรอง TVER จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก โดยเจ้าของคาร์บอนเครดิตสามารถสมัครสมาชิกเข้าใช้แพลตฟอร์มและใช้เป็นช่องทางการขายได้ (2) แพลตฟอร์มซื้อขายคาร์บอนเครดิต CCXT ทำหน้าที่เป็นผู้รับคาร์บอนเครดิตจากเจ้าของ มาลงขายในแพลตฟอร์ม ในหน่วยตันคาร์บอนไดออกไซด์ฯ (3) แอพลิเคชั่น หรือ Digital Channel ที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม CCXT เพื่อรับคาร์บอนเครดิตมาชดเชยกิจกรรม โดยมีฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น การชดเชยคาร์บอนเครดิตในการจัดอีเว้นท์ หรือการชดเชยการเข้าพักในโรงแรม โดยใช้หน่วยกิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ฯ (4) หน่วยงานรับรองคาร์บอนเครดิต ทำหน้าที่รับรองว่าคาร์บอนเครดิตที่ได้ร่วมบริจาค หรือ ชดเชยเป็นคาร์บอนเครดิตที่อยู่ในระบบทะเบียนของ TVER จริง เพื่อให้ผู้ชดเชยมั่นใจได้ว่ามีการชดเชยแล้วตามระเบียบขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก และ (5) ผู้ซื้อคาร์บอนเครดิต ทั้งรายใหญ่และรายย่อย ในภาคการค้า การบริการ การท่องเที่ยวและไมซ์ และภาคการเกษตร การดำเนินโครงการนี้ มีระยะเวลาดำเนินการร่วมกัน 5 ปี และจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ทั้ง 5 หน่วยงาน ได้ร่วมกันผลักดันให้เกิดเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ และเพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมาย net zero ต่อไป
โดยแพลตฟอร์ม CCXT และ แอพลิเคชั่น CERO เปิดให้มีการลงทะเบียนเป็นสมาชิก และสามารถทำการซื้อขาย หรือ ชดเชยคาร์บอนเครดิตได้ตั้งแต่วันพุธที่ 7 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป จึงขอเชิญชวนผู้ที่สนใจ ผู้ประกอบการในภาคส่วนต่าง ๆ และ บุคคลทั่วไป สามารถลงทะเบียนเข้าใช้ได้ดังนี้
แอพลิเคชั่น CERO หรือติดต่อ บริษัท เวคิน (ประเทศไทย) จำกัด อีเมล์ contact@vekin.co.th โทร : 02-714-2490
แพลตฟอร์ม CCXT https://www.escopolis.co.th/ccxt หรือติดต่อ บริษัท เอสโคโพลิส จำกัด อีเมล์ : info@escopolis.co.th โทร : 02-239-1849 / 081-153-8222
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 183 ครั้ง