“อลงกรณ์” เสนออัพเกรดประเทศสู่ก้าวใหม่เศรษฐกิจไทย ตั้งเป้า “มหาอำนาจอาหารและการท่องเที่ยวโลก”

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 162 ครั้ง

สมาคมเครือข่ายผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชนนานาชาติ เชิญ นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ ไทยแลนด์ รองประธานคณะกก.ยุทธศาสตร์ ปชป. อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ บรรยายพิเศษเรื่อง ก้าวใหม่เศรษฐกิจไทยโอกาสในวิกฤติ ในการสัมมนาจัดโดยสมาคมฯ และหนังสือพิมพ์ THAILAND TODAY NEWS ที่โรงแรมเดอะบาซาร์

นายอลงกรณ์ ได้นำเสนอใน 5 ประเด็น

1. ก้าวเก่าเศรษฐกิจไทย

2. ทุกความท้าทาย คือ โอกาส

3. เศรษฐกิจแห่งอนาคต

4. มหาอำนาจอาหารการท่องเที่ยวโลก : เกมที่ไทยเอาชนะได้

5. ก้าวใหม่เศรษฐกิจไทย : ก้าวข้ามขีดจำกัด

โดยฉายภาพ ก้าวเก่าเศรษฐกิจไทย ว่า เป็นเศรษฐกิจดั้งเดิมเคยรุ่งเรืองในทศวรรษที่ 80-90 จนได้ชื่อว่าเป็นเสือตัวที่ 5 แห่งเอเชียขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมแต่เป็นอุตสาหกรรมโออีเอ็ม. (OEM) ขาดการวิจัย&พัฒนา (R&D) มีโครงสร้างเศรษฐกิจแบบกระจุกตัวและผูกขาดมีการคอรัปชั่นมากเหมือนมะเร็งร้ายขาดพลังในการยกระดับศักยภาพตัวเองทำให้การขยายตัวของ GDP โตช้าโตต่ำเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างมีความเหลื่อมล้ำสูง การกระจายรายได้ต่ำ รายได้ประชาชนชะลอตัว การส่งออกอ่อนแรง รายได้รัฐต่ำ ต้องทำงบประมาณขาดดุลต่อเนื่องเกือบ 20 ปี ทำให้เมื่อเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ วิกฤติโรคระบาดโควิด-19 พร้อมกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน สงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์ และสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ทำให้สถานการณ์ยิ่งทรุดหนักส่งผลกระทบทำให้จีดีพี. ปี 2566 เติบโตเพียง 1.9% และไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัวเพียง 1.5% เป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำสุดอันดับ 9 ของอาเซียน เหนือกว่าเมียนมาร์เพียงประเทศเดียวจากสภาพการณ์ดังกล่าวทำให้ปัจจุบันมีหนี้สาธารณะกว่า 10 ล้านล้าน หรือกว่า 60% ของจีดีพีมีหนี้ครัวเรือนกว่า 16 ล้านล้านบาท หรือกว่า 90% ของจีดีพี. ติดกับดักประเทศรายได้ปานกลางกลายเป็นเสือตัวที่ 5 ของอาเซียน

นอกจากนี้ยังเผชิญกับความผันผวนความท้าทายและโอกาสของแนวโน้มและโจทย์เมกะเทรนด์และเมกะเทรธ (Megatrend & Megathreat) เช่น

1. โลกร้อน โลกรวน (Climate Change)

2. ภูมิรัฐศาสตร์ ภูมิเศรษฐศาสตร์ (Geo-Politics &Geo-Economics)

3. สังคมสูงวัย (Aging Society)

4. เอไอ เทคโนโลยี ดิสรัปชั่น (AI-Technology Disruption)

5. ความมั่นคงทางอาหาร (Food Security)

เราต้องสร้างโอกาสในวิกฤติ ด้วยการปฏิรูปโครงสร้างและระบบเศรษฐกิจแบบยกเครื่องเป็นก้าวใหม่เศรษฐกิจไทยบนหลักการ สมดุล&ยั่งยืน (Balance & Sustainability) และอีเอสจี. (ESG:Environmental, Social,Governance) ด้วยการสร้างโมเดลเศรษฐกิจใหม่

1. เศรษฐกิจดิจิตอล (Digital Economy)

2. เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy)

3. เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy)

4. เศรษฐกิจสีเงินหรือเศรษฐกิจสูงวัย (Silver Economy)

5. เศรษฐกิจนวัตกรรม (Innovation Economy)

6. เศรษฐกิจคาร์บอน (Carbon Economy)

นายอลงกรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์และอดีต ส.ส. กล่าวว่า “โมเดลเศรษฐกิจใหม่เป็นคานงัดยกระดับอัพเกรดศักยภาพใหม่ให้ประเทศ เราต้องปรับตัวเมื่อโลกเปลี่ยน กล้าก้าวข้ามขีดจำกัดในอดีตพลิกโฉมประเทศใหม่ตอบโจทย์ความท้าทายในอนาคตด้วยระบบเศรษฐกิจใหม่ จึงจะสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศและประชาชนพ้นจากหนี้สาธารณะและหนี้ครัวเรือน พร้อมกับมีงบประมาณมากพอที่จะพัฒนาการศึกษา ลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา ยกระดับการสาธารณสุขและสร้างระบบสวัสดิการรัฐให้กับประชาชนอย่างมีคุณภาพและทั่วถึง”

ทั้งนี้ นายอลงกรณ์ ยังได้ยกตัวอย่างการวางวิสัยทัศน์ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจใหม่ โดยตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็น “มหาอำนาจอาหารและการท่องเที่ยวโลก” (Food & Tourism Superpower) เป็นการต่อยอดศักยภาพเดิมเสริมศักยภาพใหม่ที่ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงในระดับโลก เนื่องจากประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารและสินค้าเกษตรอันดับ 12 และอันดับ 13 ของโลก และสามารถผลิตได้ตลอด 365 วัน ทั้งยังมีความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) ท็อปเทนของโลก ตอบสนองปัญหาความมั่นคงอาหารจากผลกระทบของภาวะโลกร้อนโลกรวน

ยิ่งกว่านั้นยังมีโครงสร้างศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC :Agitech and Innovation Center) จัดตั้งครบ 77 จังหวัด ในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศสมัย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นรัฐมนตรีเกษตรฯ ตามนโยบายเทคโนโลยีเกษตร 4.0 ที่มีตนเป็นประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายปี 2563-2566 ซึ่งมีนวัตกรรมเกือบ 1 พันรายการ สามารถถ่ายทอดไปยังฟาร์มและอุตสาหกรรมอาหารได้ทันที

ทางด้านการท่องเที่ยว เราเป็นประเทศที่มีทรัพยากรการท่องเที่ยวหลากหลายและวัฒนธรรมที่งดงามทั้งในเมืองและต่างจังหวัด ซึ่งในช่วงก่อนโควิดมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย 40 ล้านคน มีรายได้จากการท่องเที่ยวอยู่อันดับสูงสุด 1 ใน 5 ของโลก และปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 30 ล้านคน

โดยรัฐบาลตั้งเป้าหมายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวปี 2567 ไว้ที่ 3.5 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการท่องเที่ยวภายในประเทศ 1 ล้านล้านบาท และรายได้จากการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.5 ล้านล้านบาท (ปี 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตลอดทั้งปี ทะลุ 28 ล้านคน มีรายได้จากการท่องเที่ยวต่างชาติ 1.2 ล้านล้านบาท)

สำหรับตัวเลขการส่งออกปี 2566 ประเทศไทยส่งออก 284,561.8 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรเป็นมูลค่า 49,203.1 ล้านเหรียญสหรัฐ (1.69 ล้านล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วน 17.3% ของมูลค่าการส่งออกรวม (สินค้าเกษตร 9.4% และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร 7.9%) แบ่งเป็นสินค้าเกษตร 26,801.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (0.92 ล้านล้านบาท) ขยายตัว 0.2% และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร 22,401.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (มูลค่า 0.77 ล้านล้านบาท) หดตัว 1.7%

สินค้าเกษตรส่งออกส่วนใหญ่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) หรือมีการแปรรูปขั้นต้นเท่านั้น จึงต้องเร่งส่งเสริมและผลักดันให้ไทยส่งออกสินค้าเกษตรมูลค่าสูงและสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร-อาหารเพิ่มขึ้น เช่น อาหารแห่งอนาคต อาหารฮาลาล อาหารเสริม อาหารสัตว์เลี้ยง สินค้าเกษตรอินทรีย์สินค้าเกษตรแปรรูปและผลิตภัณฑ์สารสกัดจากวัตถุดิบเกษตร

มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 162 ครั้ง

You May Also Like

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

แสดง
ซ่อน