มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 406 ครั้ง
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 11 พ.ย.67 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รรท.ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ธรรมนูญ เขาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี พ.ต.อ.ไกรสร ศรีอำพร ผกก.สส.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงผลการจับกุมนายภูษิต หรือบังซุบ อายุ 47 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 5,520,000 เม็ด มูลค่า 167,000,000 บาท และรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีดำ ป้ายทะเบียนกรุงเทพมหานคร 1 คัน โดยจับกุมได้ที่บริเวณถนนสุดบรรทัด ม.9 ต.บ้านป่า อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนขยายผลการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ และทีมลำเลียงยาเสพติดหลายคดี จนทราบว่านายภูษิต หรือบังซุบ พักอาศัยอยู่ย่านบึงกุ่ม กทม. เป็นผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจำนวนมาก มาส่งมอบให้กลุ่มผู้รับในพื้นที่ชั้นในของประเทศไทย โดยใช้รถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีดำ เป็นยานพาหนะในการลำเลียงจึงสืบสวนติดตาม
ต่อมาเมื่อวันที่ 8 พ.ย.67 จากการสืบสวนทราบว่านายภูษิต ได้ใช้รถยนต์กระบะลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้ามาพื้นที่ภาคกลาง โดยใช้เส้นทางมวกเหล็ก-ลำนารายณ์ มุ่งหน้า จ.สระบุรี เจ้าหน้าที่จึงได้กระจายกำลังเพื่อคอยจับกุม จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่พบรถยนต์กระบะ ขับผ่านมาถึงบริเวณถนนสุดบรรทัด ม.4 ต.บ้านป่า อ.แก่งคอย จ.สระบุรี จึงได้สกัดรถตรวจค้นในรถพบยาบ้า 5,520,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในห้องโดยสารรถกระบะ
จากการสอบสวน นายภูษิตหรือบังซุบ ยอมรับว่า มีหน้าที่ลำเลียง ได้ค่าจ้าง 30,000 บาท และทำเป็นครั้งแรก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหา “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” จึงนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
การจับกุมในครั้งนี้เป็นความสำเร็จจากแผนปฏิบัติการปราบปรามและสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดสู่พื้นที่ชั้นใน ของประเทศ โดยสามารถยับยั้งการแพร่กระจายของยาเสพติดไปสู่ประชาชนได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งยาเสพติดของกลาง หากถูกนำออกขายสู่ท้องตลาดจะมีมูลค่ากว่า 167,000,000 บาท และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจะขยายผลถึงกลุ่มลูกค้า ผู้สั่งการ และบุคคลในเครือข่ายยาเสพติด รวมถึงทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด โดยจะนำมาตรการสมคบ สนับสนุน ช่วยเหลือ ฟอกเงิน และยึดทรัพย์สิน มาใช้ดำเนินการกับบุคคลในเครือข่ายยาเสพติดต่อไป
มีผู้อ่านข่าวนี้แล้ว 406 ครั้ง
